ทำไม PTT ราคาไม่วิ่ง
“พี่ปอ” บมจ.ปตท. หรือ PTT ราคาหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 35-40 บาท จนถูกขนานนามว่าเป็นหุ้น “หวีทองคำ” นั่นคือ ราคาแทบจะไม่เคลื่อนไหวไปไหน
“พี่ปอ” บมจ.ปตท. หรือ PTT
ราคาหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 35-40 บาท จนถูกขนานนามว่าเป็นหุ้น “หวีทองคำ”
นั่นคือ ราคาแทบจะไม่เคลื่อนไหวไปไหน
เกือบทุกวันราคาจะขึ้นลงแค่ 1-2 ช่อง สลับกันไป ทำให้กราฟออกมาเป็นรูปทรง “แปรงหวีผม”
หากเข้าไปดูข้อมูลของ ปตท.
ตอนนี้ ปตท.ที่สถานะเป็น Holding Company ที่เข้าไปถือหุ้นบริษัทต่าง ๆ จำนวนมาก
แตกต่างจากช่วงที่เข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ฯ ใหม่ ๆ ที่ยังไม่ได้แตกบริษัทลูกออกมา ทำให้เวลามีปัจจัยบวกเข้ามา
ตัวของหุ้น ปตท. จะรับประโยชน์เต็มที่
เช่น ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เมื่อปรับขึ้น ราคาหุ้น ปตท.จะขยับขึ้นตามอย่างรวดเร็ว เพราะได้ประโยชน์ รับปัจจัยบวกแบบเต็ม ๆ
ทว่า เมื่อมีการแตกบริษัทต่าง ๆ ออกมา เช่น PTTEP PTTGC PTTOR IRPC และ TOP
รวมถึงหุ้นโรงไฟฟ้า GPSC
ทำให้นักลงทุนมีการ Alternative หรือทางเลือกในการลงทุน
หากต้องการจะลงทุนในหุ้นปิโตรเคมี นักลงทุนจะจิ้มไปยัง PTTGC IRPC โดยตรง
หรือเมื่อน้ำมันดิบขึ้น ก็จะลงทุนใน PTTEP TOP และอาจรวมถึง IRPC (หากสเปรดปิโตรเคมีเป็นขาขึ้น)
จะเห็นว่า นักลงทุนเลือกที่จะเข้าไปลงทุนยังหุ้นต่าง ๆ ในเครือของ ปตท. มากกว่าที่จะลงทุนใน ปตท.โดยตรง อย่างเช่นที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ถามว่า แล้วตอนนี้ ปตท. เหลืออะไรบ้าง
เท่าที่ดูข้อมูลตอนนี้ เช่น ธุรกิจท่อ และก๊าซ
อาจมีคำถามต่อว่า ปตท. มีการรับรู้รายได้และกำไรจากบริษัทลูกแต่ละแห่ง นั่นน่าจะดีกับ ปตท.?
คำตอบ คือ บริษัทลูกไม่ได้ดีทุกแห่ง
บางปีบริษัทลูกอีกแห่งดี แต่อีก 2 แห่งอาจจะไม่ค่อยดี
อย่างในปีนี้คาดกันว่า PTTEP จะมีผลประกอบการดี ตามราคาน้ำมันโลกขยับขึ้น
แต่ PTTGC อาจจะไม่ดีนัก จากสเปรดปิโตรเคมีที่ลดลง ต้นทุน (ใช้แนฟทา) ที่สูงขึ้น มีปิดซ่อมบำรุงอีก ส่วน IRPC แม้อาจจะมีบันทึกกำไรสต๊อกน้ำมันเข้ามา แต่สเปรดปิโตรฯ ลดต่ำลงจากปีก่อน
ผลประกอบการของบริษัทลูกที่ออกมาแบบนี้
ทำให้ ปตท.อาจจะขาดแรงดึงดูดลดลงจากนักลงทุนไปบ้าง
ปตท.แม้จะถูกจัดว่าเป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลอยู่ในระดับน่าสนใจหุ้นหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ฯ
หรือให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 3% ต่อปี
แต่หากนำไปเทียบกับหุ้นปันผลอื่น ๆ จะพบว่า ยังมีอีกหลายหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ปตท. และไม่ต้องเผชิญกับความผันผวนของสินค้า Commodity ด้วย
เช่น หากเทียบกับหุ้นที่เป็นโฮลดิ้งคล้ายกับ ปตท. นั่นคือ INTUCH
อินทัช จะให้ผลตอบแทนปันผลมากกว่า และธุรกิจสื่อสารจะไม่ค่อยเผชิญกับความผันผวนเหมือนกับสินค้า Commodity
ความผันผวน (สูง) ที่ว่านี้ ทำให้นักวิเคราะห์ต่างแนะนำลงทุนในหุ้นของ ปตท. แบบ “เก็งกำไร” มากกว่าจะถือแบบระยะยาว เพราะมีความเสี่ยงจากความผันผวนนั่นเอง
นั่นจึงพอจะเป็นคำตอบว่า ทำไมราคาหุ้น ปตท.ไม่วิ่ง
เพราะนักลงทุนเลือกที่จะไปลงทุนกับบริษัทลูกโดยตรงเป็นหลัก
หรืออย่างที่เราเห็นกันอยู่ในขณะนี้ เมื่อราคาน้ำมันดิบขึ้น นักลงทุนจะเลือกเข้า PTTEP ไปเลย เพราะจะได้รับประโยชน์โดยตรง และรวมไปถึงหุ้น TOP หรือโรงกลั่นไทยออยล์
หรือหากสเปรดปิโตรเคมีกลับมา ปิโตรฯ เข้าสู่ช่วงขาขึ้น
นักลงทุนก็คงเลือกที่จะลงทุน PTTGC และ IRPC โดยตรง
แต่หากปีไหนที่แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทลูกออกมาดีทุกบริษัท
ทุกแห่งเติบโตระดับสูง
นั่นก็น่าจะเป็นปีที่ราคาหุ้น ปตท. PTT ขยับแบบหวือหวาได้
มากกว่าจะมาเคลื่อนไหวเป็นน้องหวีแบบปัจจุบัน