SAMTEL รุกงานดิจิทัลภาครัฐ

คุณค่าบริษัท

หลังจากในปี 2563 พลาดท่าขาดทุนไป 287 ล้านบาท จากผลกระทบของโควิด แต่ในที่สุดปี 2564 บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL ก็สามารถกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง โดยโชว์ตัวเลขกำไรอยู่ที่ 61.38 ล้านบาท จากรายได้รวม 4,655.78 ล้านบาท แม้ผลการดำเนินงานของ SAMTEL ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งเคยทำกำไรได้ที่เฉลี่ยปีละ 300–400 ล้านบาท และมีรายได้เฉลี่ยที่ 8,000–9,000 ล้านบาท แต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่เริ่มกลับมามีกำไร

ขณะที่ปี 2565 นี้ น่าจะเห็นแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น หลังจากภาครัฐได้ปรับตัวและให้ความสำคัญในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาการให้บริการสาธารณะผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Government e-Service เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในยุคดิจิทัล ซึ่งจะทำให้ SAMTEL มีโอกาสได้รับงานมากขึ้น ล่าสุดเพิ่งคว้างานโครงการติดตั้งระบบมิเตอร์อัจฉริยะ (AMI) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่า 2,359.96 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 84 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565-31 มี.ค. 2572

โดยในปีนี้บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์การให้บริการ Digital Solution Outsource Service ไปที่ 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย 1. Government Service Outsource เน้นให้บริการธุรกรรมต่างสาขา ได้แก่ การซื้อ-ขาย โอนทรัพย์สิน และการบูรณาการข้อมูลภาครัฐ เพื่อการเข้าถึงของประชาชน เช่น การตรวจสอบสิทธิ สถานะบริการ เป็นต้น คาดว่ามีมูลค่าโครงการอยู่ที่ 5,000-6,000 ล้านบาท

2. Utility Sector ได้แก่ การให้บริการ Advance Utility Infrastructure เพื่อช่วยยกระดับบริหารจัดการองค์กร, บริการระบบบริหารจัดการทรัพยากร (ERP) รวมถึงบริการดูแลรักษาระบบต่าง ๆ และบริการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เป็นต้น คาดว่ามีมูลค่าโครงการอยู่ที่ 6,500 ล้านบาท

และ 3. Banking Sector ให้บริการด้าน Digital Banking  และบริการ Smart Branch Services เป็นต้น คาดว่ามีมูลค่าโครงการอยู่ที่ 750 ล้านบาท ทำให้มูลค่าโครงการรวมจากเฉพาะ 3 กลุ่มหลักนี้ อยู่ที่กว่า 13,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งเป้าจะคว้างานใหม่มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท เพื่อมาเติมแบ็กล็อกที่ปัจจุบันอยู่ที่ 7,200 ล้านบาท ทำให้มั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะบรรลุเป้าหมายได้ตามที่ตั้งไว้ 7,000 ล้านบาท เติบโต 30-40% จากปีก่อน

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น SAMTEL ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 69.97 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 19.47 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาดหลายเท่าตัว อย่างไรก็ตาม ถ้าดู P/BV ที่ระดับ 1.26 เท่า ก็สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยที่ส่วนใหญ่ P/BV จะอยู่ที่ระดับ 1-2 เท่า

…

รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่

1. บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 433,464,590 หุ้น 70.14%
2. ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 29,730,560 หุ้น 4.81%
3. กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว 17,100,200 หุ้น 2.77%
4. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 8,109,500 หุ้น 1.31%
5. นายอภิศักดิ์ เทพผดุงพร 6,560,000 หุ้น 1.06%

รายชื่อกรรมการ

1. พลเอก สัมพันธ์ บุญญานันต์ ประธานกรรมการบริษัท, กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ
2. นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, กรรมการ
3. นายจง ดิลกสมบัติ กรรมการผู้จัดการใหญ่, กรรมการ
4. นายขจรวุฒิ ตยานุกรณ์ กรรมการ
5. นายเจริญรัฐ วิไลลักษณ์ กรรมการ
6. นายธนานันท์ วิไลลักษณ์ กรรมการ
7. น.ส.รพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์ กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ
8. นายวิชัย โภคาสัมฤทธิ์ กรรมการอิสระ, ประธานกรรมการตรวจสอบ
9. นายศิริชัย รัศมีจันทร์ กรรมการอิสระ