ตลาดยังไม่พ้นเงา ‘โควิด’

สถานการณ์การติดเชื้อโควิดในประเทศจีน กลับสวนทางชาวบ้าน โดยมีรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในวงกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ


ในขณะที่เกือบแทบทุกประเทศในเอเชีย ได้ทะยอยประกาศเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวกันแล้วในเดือนนี้ แต่สถานการณ์การติดเชื้อโควิดในประเทศจีน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจอันดับสองของโลก กลับสวนทางชาวบ้าน โดยมีรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในวงกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ

แต่ปัญหาโควิดของจีนที่แท้จริงในตอนนี้ ไม่ได้อยู่ที่ว่ามีคนติดเชื้อมากหรือเสียชีวิตมาก แถมยังน้อยไปด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ แต่มันอยู่ตรงที่ว่า รัฐบาลจีนยังคงรักษานโยบาย “ไม่อดทนกับโควิด” (Zero-tolerance policy) อย่างเคร่งครัดเช่นเดิม ผลที่ตามมาคือ เกิดความกังวลเรื่องการล็อกดาวน์และผลกระทบที่จะมีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากจนในที่สุดทำให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงแรงในวันจันทร์ที่ผ่านมาและต่อเนื่องมาจนถึงวันอังคาร และทำให้ตลาดหุ้นในเอเชียและตลาดอื่น ๆ ในโลกพลอยดิ่งตามไปด้วย

อย่างไรก็ดี การปรับตัวลงของตลาดหุ้นเสิ่นเจิ้นกว่า 6% และตลาดเซี่ยงไฮ้ที่ปรับตัวลงกว่า 5% เมื่อวันจันทร์ ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับ ทิมโมธี โม นักกลยุทธ์ของโกลแมนแซคส์ เนื่องจากมองว่า มันมีเหตุผลที่ตลาดควรกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดของจีน เพราะมีความชัดเจนว่า มันกำลังส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และยังส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการทำกำไรในหลายส่วนของตลาด

จีนพยายามควบคุมการแพร่ระบาดครั้งเลวร้ายที่สุดด้วยการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดในเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้นานกว่า 3 สัปดาห์แล้ว แต่ในขณะที่ความวัวยังไม่หาย ก็มีรายงานการติดเชื้อในเมืองอื่น ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และล่าสุดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมืองหลวงปักกิ่ง เตือนว่าไวรัสได้แพร่กระจายโดยตรวจไม่พบเป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้ว

เจ้าหน้าที่ในกรุงปักกิ่งได้เริ่มทดสอบหาเชื้อครั้งใหญ่ทันทีหลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น เนื่องจากกลัวว่าอาจเจอสถานการณ์แบบเดียวกับเซี่ยงไฮ้ เขตฉาวหยางในกรุงปักกิ่ง ซึ่งมีธุรกิจและสถานทูตต่างชาติตั้งอยู่มาก พบผู้ติดเชื้อ 26 คนเมื่อสุดสัปดาห์ แต่ถือเป็นจำนวนสูงสุดที่เพิ่มขึ้นล่าสุดในกรุงปักกิ่ง เจ้าหน้าที่จึงเริ่มทดสอบหาผู้ติดเชื้อเป็นเวลา 3 วันต่อผู้ที่อาศัยหรือทำงานในย่านนี้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา

ปฏิบัติการเชิงบังคับทดสอบหาผู้ติดเชื้อครั้งใหญ่ในปักกิ่ง ทำให้ประชาชนพากันไปเข้าคิวหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าต่าง ๆ เพราะกลัวว่าจะขาดแคลนอาหารและของใช้จำเป็นหากมีการล็อกดาวน์แบบเซี่ยงไฮ้ แม้รัฐบาลให้ความมั่นใจว่ามีอาหารเพียงพอ

ธนาคารรายใหญ่ของรัฐ ได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากให้กับลูกค้าบางส่วนเมื่อวันจันทร์ เพื่อสนองตอบต่อการเรียกร้องของรัฐบาลที่ขอให้ช่วยหนุนเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศลดเกณฑ์กันสำรองเงินทุนของธนาคารตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน โดยคาดว่าจะช่วยปล่อยสภาพคล่องระยะยาวเข้าสู่เศรษฐกิจได้ประมาณ 530,000 ล้านหยวน

แต่ถึงแม้ว่าจีนได้อุดหนุนทางนโยบายเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่การอุดหนุนเหล่านั้นก็ไม่ได้ผลอย่างเต็มที่หากเศรษฐกิจถูกล็อกดาวน์ และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตลาดจึงให้ความสำคัญกับปัญหาโควิดของจีนในระยะใกล้

ตราสารน้ำมันดิบสหรัฐฯ ก็ปรับตัวลงกว่า 3% เมื่อวันจันทร์ โดยลงไปอยู่ที่ 98.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่ตราสารน้ำมันดิบเบรนต์ ปรับตัวลงมากกว่า 3% เช่นเดียวกัน โดยเหลือ 102.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้ว่าการปรับตัวลงของราคาน้ำมันอาจจะมีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่น ๆ ด้วยอีกหลายปัจจัย เช่น จีดีพีโลก แนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารอื่น ๆ จะขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงมากขึ้น และสงครามในยูเครน แต่ก็มีต้นตอมาจากสถานการณ์โควิดในจีนเป็นสำคัญเช่นกัน เนื่องจากจีนเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่

ไม่เฉพาะแต่หุ้นที่เกี่ยวกับพลังงานและโภคภัณฑ์ได้ปรับตัวลงเมื่อราคาน้ำมันดิ่งลง แต่ยังมีอีกหลายกลุ่มในตลาดที่ได้ปรับตัวลงอย่างรุนแรง และเงินทุนได้ไหลเข้าไปยังหุ้น “Defensives” อย่างเช่นหุ้นสาธารณูปโภค สินค้าหลัก ยา และหุ้นเติบโตที่มีมูลค่าตลาดมาก

ผลการวิจัยของ Gavekal Dragonomics ที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาประเมินว่า ในบรรดาเมืองที่มีอัตราผลผลิตทางเศรษฐกิจสูงสุดของจีน 100 เมือง มีถึง 57 เมืองที่มีการคุมโควิดค่อนข้างเข้มงวดในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะลดลงจาก 66 เมืองในสัปดาห์ก่อนหน้าแล้ว

เจ้าหน้าที่คนสำคัญของธนาคารกลางจีนได้ออกมาเรียกร้องเมื่อวันอาทิตย์ให้รัฐบาลดำเนินมาตรการลดผลกระทบทางเศรษฐกิจของโควิดและกระตุ้นการเติบโตต่อปีให้กลับไปสูงกว่า 5% หลังจากที่จีดีพีไตรมาสหนึ่งโตเพียง 4.8%

นักวิเคราะห์ กล่าวว่า สัญญาณที่มีความถี่สูงหลายอย่าง เช่น การเคลื่อนย้าย การขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก การใช้ถ่านหินในโรงไฟฟ้า แสดงถึงการเติบโตเชิงลบ  แต่ยังไม่ชัดเจนว่าการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนจะถึงจุดต่ำสุดที่ตรงไหนหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย “ไม่อดทนกับโควิด”

ต้องจับตาดูว่า รัฐบาลจีนจะคุมโควิดได้เร็วแค่ไหน และที่สำคัญจะปลดล็อกดาวน์เมืองที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจอย่างเซี่ยงไฮ้ได้เมื่อไหร่ และจะล็อกดาวน์เมืองหลวงปักกิ่งหรือไม่ เพราะนั่นย่อมหมายถึงว่า เราจะสามารถคาดเดาทิศทางตลาดได้ว่า จะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ และเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวกลับมาขับเคลื่อนโลกได้หรือไม่

ความกังวลในตลาดเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดในจีนที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เป็นสัญญาณเตือนอีกครั้งหนึ่งว่า ตลาดหุ้นยังไม่สามารถหลุดพ้นจาก “เงา” โควิดได้ แม้หลายชาติในโลกจะเปิดประเทศ และเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันแล้วก็ตาม

Back to top button