พาราสาวะถี

ประเทศไทยอยู่กับเรื่องเล็ก ๆ ขยายเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องใหญ่ที่จะมาทำให้คนไทยอยู่ดีกินดีมีความก้าวหน้า มีอนาคตที่ดี กลับหายไปหมด


เชื่อกันหรือไม่ไม่รู้ แต่ยืนยันจากปากของ ทักษิณ ชินวัตร ในคราบ โทนี่ วู้ดซัม ที่พูดผ่านไลฟ์สดของกลุ่มแคร์ว่า ไม่ได้พบพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ที่ประเทศอังกฤษตามที่ปรากฏเป็นข่าว เพราะช่วงเวลาที่พี่ใหญ่เดินทางไปอังกฤษตนอยู่ดูไบ ก่อนจะชี้อีกว่าประเทศไทยอยู่กับเรื่องเล็ก ๆ ขยายเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องใหญ่ที่จะมาทำให้คนไทยอยู่ดีกินดีมีความก้าวหน้า มีอนาคตที่ดี กลับหายไปหมด Imagination ไม่รู้จัก แต่มโนเก่งมาก มโนกันเต็มไปหมด

ต้องยอมรับกันว่าการเมืองภายในประเทศเมื่อเกิดความไม่ลงรอยกันของพี่น้องแก๊ง 3 ป.และข่าวก็หนาหูว่าดีลพิเศษทางการเมืองนั้นกำลังจะเกิดขึ้น พอต่อจิ๊กซอว์กันแล้วย่อมหนีไม่พ้นการต่อรองระหว่างพี่ใหญ่กับนายใหญ่ ไม่มีใครที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ทางการเมืองให้สั่นคลอนต่อผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว มิหนำซ้ำ หัวหน้าพรรคสืบทอดอำนาจยังหลุดปากพูดถึงนายกฯ สำรองออกมาอีก มันจึงไปกันใหญ่

ทั้งหมดใช่ว่าไม่มีมูลหรือไม่มีความเป็นไปได้ ในเมื่อการอยู่ในตำแหน่งหลังการยึดอำนาจมาจะครบ 8 ปีของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้น ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ของบ้านเมืองดีขึ้น ประชาชนมีแต่เดือดร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต้องบอกว่ายกเมฆมากล่าวหากัน ก็มองไปยังตัวเลขของผู้ได้รับสิทธิ์จากบัตรคนจนของรัฐบาล จากเดิมอยู่ที่ 14 ล้านกว่าคน เวลานี้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 20 ล้านคน มันหมายถึงอะไร บริหารงานกันประสาอะไร ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังแต่คนกับจนลงต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทักษิณวิเคราะห์ในความเป็นตัวตนของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้น น่าจะตรงกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่ในประเทศคิด นั่นก็คือ ไม่เชื่อว่าคนชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา “โง่” อย่างที่หลายคนว่า เพราะจบโรงเรียนทหารที่สอบเข้า 3,000 คน แล้วคัดเลือกเหลือ 300 คน จบมาได้ไม่โง่แน่นอน เรียกได้ว่าเป็นคนฉลาด “แต่บังเอิญเลือกใช้คนโง่” และผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่ฟังใคร เลือกฟังเฉพาะคนใกล้ชิด ทำให้เสียหมด ได้ข้อมูลแบบโง่ ๆ ไป

คงไม่ต้องอธิบายอะไรกันมาก คนใกล้ตัวท่านผู้นำที่เพิ่งไขก๊อกจากตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเอง เป็นภาพสะท้อนได้อย่างดีต่อการเลือกใช้คน ไม่ต่างกันกับทางการเมืองที่บรรดาเสนาบดีสายตรงทั้งหลาย ซึ่งมีการวางตัวไว้เพื่อเข้าไปถ่วงดุลอำนาจการบริหารของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ภายในพรรคสืบทอดอำนาจ สุดท้ายก็ทำการไม่สำเร็จ ตกเป็นที่เพ่งเล็งและกลายเป็นปมกินแหนงแคลงใจกันในหมู่พี่น้อง 3 คนมาจนถึงทุกวันนี้

ขณะเดียวกัน เวลานี้มีการจับตามองกรณีที่ ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีคำสั่งตั้ง “พอลลีน” พรพิมล กาญจนลักษณ์ เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรีต่างประเทศในด้านเมียนมา กับคำถามที่ว่าเพื่ออะไรและมีความเหมาะสมหรือไม่ แม้คนที่ลงนามแต่งตั้งจะยืนยันว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ทว่าขอบข่ายของอำนาจที่ได้รับนั้นไม่ใช่แค่การตั้งเป็นผู้แทนไปประชุมเป็นครั้งคราว แต่เป็นการตั้งให้ทำหน้าที่แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

โดยประเด็นนี้ ไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษาพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการตั้งให้ทำหน้าที่แทนรัฐมนตรีต่างประเทศ ในการประสานงานและขับเคลื่อนงานต่างประเทศเกี่ยวกับพม่า กับข้าราชการและส่วนราชการไทย และกับต่างประเทศด้วย “เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” เป็นการมอบหมายอย่างถาวร มีอำนาจแทนและเท่ากับรัฐมนตรีต่างประเทศ และรายงานตรงกับรัฐมนตรีต่างประเทศคนเดียว จึงทำให้เกิดคำถามว่าแล้วพอลลีนเป็นใคร ?

ไม่ใช่แค่อดีตที่ปรึกษาพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.เท่านั้นที่สงสัย ที่จะว่าไปแล้วน่าจะรู้จักดีเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ชี้ชวนให้สังคมร่วมตั้งข้อกังขาเท่านั้น เพราะผู้หญิงคนนี้ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ที่ปรึกษาดอนมาตั้งแต่คราวเป็นรัฐมนตรีในยุครัฐบาลคสช.แล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อสืบค้นไป มีข้อมูลจาก โสภณ พรโชคชัย เป็นนักวิจัยด้านการประเมินมูลค่าทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวไว้ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2562 ไว้อย่างน่าสนใจ

โดยพอลลีนเป็นอดีตคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ The Nation เคยเขียนคอลัมน์ยำอดีตนายกฯ หญิง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาแล้ว ด้วยคุณสมบัติข้อนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่จะได้รับความไว้วางใจอย่างสูงจากรัฐมนตรีของขบวนการสืบทอดอำนาจ ทั้งนี้โสภณยังระบุอีกว่า พอลลีนก็คือล็อบบี้ยิสต์มือดีรายหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งในอดีตพอลลีนถูกพิพากษามีความผิดในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2543 โทษฐานติดสินบนคณะกรรมการพรรคเดโมแครตด้วยเงินจำนวน 690,000 ดอลลาร์ เพื่อซื้ออิทธิพลให้กับบริษัทแห่งหนึ่งที่ตัวเองรับจ้างเป็นล็อบบี้ยิสต์

ต่อมาในปี 2544 คดีดังกล่าวศาลสหรัฐตัดสินลงทัณฑ์ด้วยการจองจำพรพิมลในบ้านเป็นเวลา 6 เดือน ปรับอีก 3 พันเหรียญ ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเบาไป ในกรณีนี้โสภณยืนยันว่าสำนักข่าวต่างประเทศก็มีการนำเสนอไว้ ในมุมการนำเสนอของโสภณต่อกรณีของพอลลีนนั้น เป็นการนำเสนอเชิงตั้งคำถามว่า คนทำงานให้รัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจมีคนขี้คุกหลายคนหรือไม่ เมื่อประกอบกับสิ่งที่ทักษิณชี้ว่าท่านผู้นำไม่ได้โง่แต่เลือกใช้คนผิดนั้น ก็พอจะทำให้เห็นภาพ

แต่ต้องไม่ลืมกันว่า ในช่วงก่อนเลือกตั้งปี 2562 ในยุคที่พรรคสืบทอดอำนาจต้องการนักการเมืองมาสร้างฐานคะแนนและกวาดส.ส.ให้ตัวเองนั้น ก็มีการใช้เงื่อนไขคดีความต่าง ๆ มาเป็นส่วนหนึ่งของพลังดูด จนทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจถูกตั้งคำถามว่าไหนบอกนักการเมืองชั่ว นักการเมืองเลว แล้วทำไมถึงเลือกใช้งานและสามารถร่วมงานกับคนเหล่านี้ได้ นี่คือการเมือง การเมืองที่ทหารซึ่งใช้ทรัพยากรของกองทัพมายึดอำนาจเพื่อให้ตัวเองได้สืบทอดอำนาจ กำลังถูกท้าทาย กลไกต่าง ๆ ที่วางไว้เพื่ออยู่ยาวถึง 20 ปีนั้น มันเรียบร้อยราบรื่นอย่างที่วางแผนอันแยบยลกันไว้หรือไม่

Back to top button