ขึ้นไม่สุด ลงไม่ลึกโมนิก้าและทีมงาน
*หากวิเคราะห์สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในมุมของสัญญาณเทคนิคจะเห็นว่า หลังจากดัชนีทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงแบบไม่มีวอลุ่ม สิ่งที่จะเกิดขึ้นถัดมาก็คือการทดสอบแรงเทขาย หลังจากนั้นจะตามด้วยการย่ำฐาน เพื่อหาฐานแนวรับที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวนเวียนมาแล้วด้วยกันหลายรอบ และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่แฟนคลับได้เห็นด้วยตาของตัวเองนะคะ
*หากวิเคราะห์สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในมุมของสัญญาณเทคนิคจะเห็นว่า หลังจากดัชนีทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงแบบไม่มีวอลุ่ม สิ่งที่จะเกิดขึ้นถัดมาก็คือการทดสอบแรงเทขาย หลังจากนั้นจะตามด้วยการย่ำฐาน เพื่อหาฐานแนวรับที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวนเวียนมาแล้วด้วยกันหลายรอบ และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่แฟนคลับได้เห็นด้วยตาของตัวเองนะคะ
*ประเด็นที่ทุกคนต้องตีโจทย์ให้แตกแบบละมุ่นละม่อมก็คือ แนวรับ 1,400 จุดยังใช้การได้ไหม? บวกกับไซเคิลของดัชนียังเป็นแบบ w-shape ใช่ไหม? หรือแม้กระทั่งผู้ซื้อหลักยังเป็นนักลงทุนสถาบันใช่ไหม? หากแฟนคลับตอบข้อสงสัยตรงนี้ได้อย่างฉะฉาน “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่นักลงทุนต้องกระโจนเข้าใส่ในทันที เพราะสามารถหาทางหนีทีไล่ได้แล้วนั่นเองเจ้าค่ะ
*ห้วงเวลานี้ “โมนิก้า” ถึงเม้าท์แต่เรื่องเป้าหมายการลงทุนของแต่ละคนเป็นแบบไหน ชอบแบบซอยสั้นๆ หรือชอบแบบทั้งใหญ่ทั้งยาว เพราะเท่าที่เฝ้าดูพฤติกรรมในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่า คนเล่นสั้นๆ ทำรอบได้เยอะกว่า แถมกรอบการเคลื่อนตัวของดัชนีออกอาการครึ่งๆ กลางๆ วันนี้ถึงไม่มีอะไรต้องกังวลเหมือนกับที่เดี๊ยนอารัมภบทไว้เมื่อวันก่อนว่า “ทางเลือกมีเยอะกว่าทางตัน” ไงล่ะค่ะ
*เหมือนกับการลงทุนในหุ้น SCI หากดูตามเสื้อผ้าหน้าผมที่ถูกเซ็ทออกมาจาก “คนเล็กตัวโต” มันเป็นจังหวะของคนที่มี “เงินเย็น” และ “เงินร้อน” เพราะหุ้นจะไต่ระดับขึ้นไปอย่างช้าๆ ตามกำไรที่ทำได้ในแต่ละงวด บวกกับหลายประเด็นมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ การที่หุ้นปิดในระดับ 10.70 บาท ลบไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่า 2 พันล้านบาท จึงกลายเป็นโอกาสในการเล่นพะยะค่ะ
*เม้าท์ถึงตรงนี้ขึ้นมาทั้งที่ “โมนิก้า” ขอหยอกล้อต่อกระซิกๆ กับ ORI อีกสักวันสองวันดีกว่า เพราะกระแสข่าวเม้าท์ถึงราคาเป้าหมายในเที่ยวนี้ มันค่อนข้างยั่วยวนใจเสียเหลือเกิน วันนี้ไม่ต้องถามหาเหตุผลอะไรให้เสียเวลา! เพราะเป็นเรื่องที่ว่ากันด้วยอนาคตล้วนๆ ไม่มีการพูดถึงปัจจุบันให้เสียอารมณ์ วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 14.80 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 6.50 % ด้วยมูลค่า 815 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าวันนี้จะซัดกันต่อนะจ๊ะ
*เช่นเดียวกับหุ้นทำโฆษณา PRAKIT กระชากขึ้นมาปิดที่ 21.20 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 6.50 % ด้วยมูลค่า 660 ล้านบาท มันเป็นผลมาจากเจ้ามือบางคนเข้ามาใส่สีตีไข่ และมุขปัญญาอ่อนที่นำเล่นในเที่ยวนี้ก็คือ P/E ต่ำ บวกกับปันผลงาน ทั้งที่เห็นกันเต็มสองลูกตาว่า มีหุ้นจดทะเบียนอยู่แค่ 60 ล้านหุ้น และอยู่ในมือเจ้าของมากถึง 43 ล้านหุ้น จึงเปิดช่องให้พวกอีแอบเข้ามาปั่นกระแสกันอย่างสบายใจเฉิบเจ้าค่ะ
*กรณีนี้เทียบได้กับ S11 กระชากขึ้นอย่างร้อนแรงเป็นวันที่ 2 ก่อนจะมาปิดที่ 10.30 บาท บวกไป 0.85 บาท หรือขึ้นไป 9% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 260 ล้านบาท มันเป็นภาพที่ชวนให้สงสัยขึ้นมาในทันว่า การขึ้นมาปิดที่จุดสูงสุดของวันใช่ของจริงหรือเปล่า? เพราะข้อมูลก่อนหน้านี้ก็ดูพื้นๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นจนเข้าตากรรมการ วันนี้ถึงทำให้แมงเม่านั่งทำตาปริบๆ เพราะไม่อยากโดนเชือดนะซี
*สำหรับกรณีของ TRC หลังจากแจ้งข่าวลงทุนเพิ่มในเหมืองโปแตช ราคาหุ้นก็เด้งรับข่าวด้วยการวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.12 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้น 7% ด้วยมูลค่า 380 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นปัจจัยที่มีผลต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท และประเด็นนี้เองที่ทำให้มูลค่าของหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เดี๊ยนถึงเชื่อว่าหุ้นจะไต่ระดับขึ้นไปได้อีกระยะหนึ่งนะคะ
*ส่วนในรายของ SCN เริ่มขยับขึ้นวันละนิดวันละหน่อย ก่อนจะมาปิดที่ 10.10 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 3.60% ด้วยมูลค่า 690 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวะที่นักเล่นพากันโหนกระแส ไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์ประเด็นอื่นให้เสียเวลา แถมคนที่เข้ามาลุยในเที่ยวนี้เป็นพวกปอบผีฟ้าด้วยแล้ว มีโอกาสป่าช้าแตกค่อนข้างสูง เพราะของมันคุ้นเคยกันอยู่นะจ๊ะ
*แรงแบบเงียบๆ มาเห็นอีกทีก็เป็นจังหวะที่ SPA ทะยานขึ้นมาปิดที่ 10 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 4.70% ด้วยมูลค่า 128 ล้านบาท พร้อมกับทำ new high นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่นักลงทุนต้องเกาะติดทุกช็อต หลังหุ้นเทรดอยู่บนค่า P/E ที่ระดับ 73 เท่า บวกด้วย ค่า P/BV ที่ระดับ 10 เท่า มันเป็นระดับที่โอเวอร์สุดๆ หากงบไตรมาส 3 ไม่แจ่มอย่างที่ควรจะเป็นล่ะก้อ..เละยิ่งกว่าโจ๊กแน่นอนเจ้าค่ะ