สวรรค์ล่ม (ปากอ่าว) ที่ Netflix

การขายทิ้งหุ้นของ Netflix Inc. NFLX, -4.36% ไปสู่การซื้อขายในตอนเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำราคาหุ้นดิ่งลง 40.0% ต่ำที่สุดตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2561


จากการเติบโตแบบก้าวกระโดดของระบบเช่าเหมาดูสื่อบันเทิงออนไลน์ที่เรียกว่า Exponential แต่พอมีรายงานว่าสูญเสียผู้เช่าหรือสมาชิกไป หลายล้านรายเพราะพิษภัยของสงครามยูเครน แรงเทขายหุ้นของบริษัทดาวรุ่งฟ้าอย่าง Netflixก็ถูกถล่มกลายเป็นหุ้นเทวดาตกสวรรค์ในทันใด

แรงเทขายหนักต่อเนื่องคาดว่าจะยังดำเนินไปอีกอย่างน้อย 3 เดือน จนกว่าจะสิ้นไตรมาสที่สองของปีนี้ ซึ่งกว่าจะถึงเวลานั้น เราก็จะรู้ว่า ราคาและอนาคตในการทำกำไรจะพลิกกลับมาได้หรือว่าจะเปลี่ยนจากสวรรค์ล่มปากอ่าวเป็นนรกตลอดกาล

อันที่จริงแล้ว โมเดลธุรกิจของบริษัทนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของนวัตกรรมที่เรียกกันว่า การทำลายล้างอย่างสร้างสรรค์หรือเรียกกันสั้น ๆ ไว้ว่า Disruption โดยพัฒนาจากธุรกิจให้เช่าดูวิดีโอจากร้านค้าหรือให้เช่า มาเป็นการเช่าในรูปออนไลน์และสมาชิก

รูปแบบธุรกิจเริ่มต้นของ Netflix เมื่อวิศวกรซอฟต์แวร์ Reed Hastings และ Marc Rudolph ก่อตั้ง Netflix ในปี 1997 ซึ่ง ร้านเช่าวิดีโอครองตลาดความบันเทิงในบ้าน จากการรู้สึกหงุดหงิดที่ตลาดไม่เป็นมิตรกับลูกค้าด้วยการชาร์จค่าธรรมเนียมที่สูงของลูกค้าสำหรับการส่งคืนล่าช้าในฐานะผู้กระทำผิดนัดเวลา

พวกเขาเห็นโอกาสในการเช่าที่แตกต่างกันและ Netflix เริ่มเช่าดีวีดีทำงานไปรษณีย์ในเดือนเมษายน 2541 ซึ่งเป็นผู้เปลี่ยนเกมในตลาดการเช่าวิดีโอและการพนัน ด้วยการมองการณ์ไกลที่จะก้าวกระโดด จากข้อมูลที่ 95% ของครัวเรือนทั้งหมดมีเครื่องเล่นดีวีดี! จากการให้เช่าดีวีดีไปยังรูปแบบการสมัครสมาชิกรูปแบบธุรกิจแรกคือการให้ผู้คนเช่าวิดีโอโดยเลือกออนไลน์และส่งไปที่ทีวีของพวกเขา บริการนี้ไม่มีใครเทียบได้ในเวลานั้นและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรม หนึ่งปีต่อมา Netflix ได้แนะนำรูปแบบการสมัครสมาชิกที่ลูกค้าสามารถเช่า DVD ออนไลน์ได้ตามค่าธรรมเนียมคงที่ต่อเดือน

เมื่อ Netflix เปิดตัว คนดูรายการบันเทิงก็ทิ้งร้านเช่าของบล็อกบัสเตอร์ เพราะความสะดวกสบายและราคา จนสิ้นปี 2560 สมาชิกทั่วโลกของพวกเขามีมากถึง 125 ล้านคน ทำรายได้ปีละมากกว่า 11.7 พันล้านดอลลาร์ที่ยินยอมจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือน แล้วยังสามารถแตกย่อยสร้างธุรกิจเป็นรูปแบบที่ไม่เชิงเส้น

ดัชนีบ่งชี้ทางบวกที่เรียกกันว่า วิดีโอสตรีมมิ่ง (ประกอบด้วยปัจจัยสี่ด้านคือ: * เทคโนโลยี: สามารถดูเนื้อหาได้อย่างราบรื่นบนอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน * ความสะดวกสบาย: ผู้คนไม่มีเวลาออกไปเที่ยวชมภาพยนตร์ผู้คนต้องการความสะดวกสบายที่มีการนำเสนอเนื้อหาให้กับพวกเขา (ส่วนบุคคล) ผู้ที่เป็นผู้เช่าบ่อยและคนรักภาพยนตร์และผู้ที่ต้องการได้รับคุ้มค่าเงินที่ดีที่สุด * ตามความต้องการ: ความสามารถในการดูเนื้อหาได้ทุกที่ทุกเวลาที่คุณต้องการ * การเสพติดการสมัครสมาชิกค่าธรรมเนียมรายเดือนต้นทุนต่ำและโครงสร้างที่เรียบง่าย * Data Driven: ไม่เพียง แต่ใช้สำหรับการแนะนำ แต่ยังใช้ Pro-Actively เพื่อสร้างเนื้อหาที่เหมาะกับการตั้งค่าส่วนตัว) เหล่านี้มีอันต้องสะดุดหยุดลงชั่วคราวจากผลพวงของสงครามรัสเซีย-ยูเครน

การถอนตัวของบริษัทออกจากรัสเซียทันทีตามเงื่อนไขของนาโต้ เพื่อตอบโต้การรุกรานยูเครนของรัสเซียและการคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องทำให้สูญเสียสมาชิก 700,000 รายจากไตรมาสดังกล่าว

ผลลัพธ์สุทธิเมื่อคำนึงถึงการสูญเสียของรัสเซียคือการเติบโตของสมาชิก 500,000 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่ยังไม่ถึงการเติบโตที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.5 ล้านราย

รายงานที่แย่กว่านั้นคือการประเมินของ Netflix เกี่ยวกับสมาชิกอีก 2 ล้านคนที่จะสูญเสียไปในไตรมาสที่สอง ทำให้ขัดขวางแนวโน้มการขับเคลื่อนการเติบโตแบบทวีคูณแนวโน้มที่สำคัญที่กำลังผลักดันการเติบโตแบบเลขชี้กำลังและดำเนินการในรูปแบบธุรกิจปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญของคลื่นเทคโนโลยีของอินเทอร์เน็ตและดีวีดีได้สำเร็จ

ที่สำคัญการเข้ามาของคู่แข่งในตลาดนี้ คู่แข่งเช่นอเมซอนที่มีความสามารถที่คล้ายกันหรือดีกว่า ยังสะเทือนน้อยมาก เพราะสินค้าหลักอย่างซีรีส์เกาหลียังมาแรงต่อเนื่อง

การถอยจากรัสเซียกะทันกันเป็นผลให้ Netflix ส่งสัญญาณการลดค่าใช้จ่ายเนื้อหาการยกเลิกภาคต่อ และการปรับตัวการ์ตูนและการตัดที่มีศักยภาพเป็นจำนวนพนักงานและการใช้จ่ายตามอำเภอใจ

การขายทิ้งหุ้นของ Netflix Inc. NFLX, -4.36% ไปสู่การซื้อขายในตอนเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำราคาหุ้นดิ่งลง 40.0% ต่ำที่สุดตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2561

เชื่อขนมกินได้เลยว่า ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นจะเป็นทั้งวิกฤต และโอกาสสำหรับการลงทุน เพราะไม่ได้เกิดจากโมเดลธุรกิจที่ผิดพลาด เป็นแค่ปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้แค่นั้นเอง

Back to top button