เดือนของการขาย
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในเดือน พ.ค. มีทิศทางที่ไม่สู้ดีสักเท่าไหร่? เพราะกูรูส่วนใหญ่มองการลงทุนในเดือนนี้เป็น “เดือนของการขาย”
*ต้องบอกกันตามตรงว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในเดือน พ.ค. มีทิศทางที่ไม่สู้ดีสักเท่าไหร่? เพราะกูรูส่วนใหญ่มองการลงทุนในเดือนนี้เป็น “เดือนของการขาย” หรือที่รู้จักกันในนาม Sell in May ซึ่งเป็นจังหวะที่ตลาดหุ้นถูกกระทบด้วยการขึ้นเครื่องหมาย XD และเพิ่งผ่านช่วงประกาศงบไปหมาด ๆ ผนวกกับช่วงเวลาดังกล่าวเป็นจังหวะที่เงินบาทอ่อน อันเป็นผลมาจากนักลงทุนสถาบันโยกเงินออกจากตลาดหุ้น จึงทำให้การลงทุนเดือนนี้หนักหนาสาหัสพอสมควรนะจะบอกให้
*ประเด็นตรงนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนเชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยจะเจอแรงกดดันอย่างหนักหน่วง ผสานกับข่าวสารช่วงนี้มีแต่เรื่องเงินเฟ้อ จึงทำให้ยุทธวิธีขายเพื่อลดความเสี่ยงถูกเม้าท์ถึงบ่อยมาก “โมนิก้า” จึงอยากให้แฟนคลับประเมินเรื่องราวที่เม้าท์ให้ฟังว่า มันเป็นโอกาสของการซื้อหุ้นเมื่ออ่อนตัว หรือต้องเร่งขายหุ้นเพื่อความสบายใจ รวมถึงการอยู่เฉย ๆ เพื่อรอดูเหตุการณ์ในภายภาคหน้า ล้วนเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงให้มาก ๆ นะคะ
*ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,667.44 จุด ลบไป 0.30 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.94 หมื่นล้านบาท ท่ามกลางค่าเงินบาทขึ้นไปใกล้ระดับ 34.50 บาท มันคือตัวแปรที่บอกให้รู้กลาย ๆ ว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นไม่น่าวางใจเสียเหลือเกิน “โมนิก้า” ถึงเล่าเรื่องให้ฟังตั้งแต่ต้นสัปดาห์ก่อนว่า เดี๋ยวโดนทุบอีก! เพราะข้อมูลที่ไหลออกมาในช่วงหลังไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกสดชื่นเลยพับผ่าสิ!
*เหมือนกับสถานการณ์ของแบงก์ตราดอกบัว BBL ทำท่าเหมือนจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง แต่ทำไปทำมาก็โดนเรื่องหนี้เสียตามหลอกหลอน และยังมีเรื่องสินเชื่อหดเป็นตัวซ้ำเติม บวกกับเจอฝรั่งหยุดซื้อเข้าอีกดอก ราคาหุ้นถึงซึมเซาร่วมสัปดาห์ จึงไม่ต้องแปลกใจที่เห็นราคาหุ้นยืนปิดที่ระดับ 130.50 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 892 ล้านบาท เพราะยังไม่มีประเด็นที่จะทำให้เชื่อว่า หุ้นไปต่อได้น่ะซี
*เช่นเดียวกับในรายของเจ้าพ่อสื่อสาร ADVANC ทำท่าเหมือนปักหลักสร้างฐาน และเริ่มเข้าสู่การย่ำฐานให้เห็นร่วมสัปดาห์ แต่ทันทีที่มีประเด็นเรื่องฝรั่งขายขึ้นมาปุ๊บ “โมนิก้า” ก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที เพราะการยืนปิดที่ระดับ 215 บาท ลบไป 5 บาท หรือลงไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.88 พันล้านบาท มันเป็นเรื่องที่สร้างแรงกดดันต่อตัวหุ้นโดยตรง และมีโอกาสซึมลงไปเรื่อย ๆ ก็เท่านั้นเองจ้า
*ส่วนรายที่ผ่านจุดพีคของผลงาน และเริ่มเข้าสู่โหมดซึมลงอีกครั้ง “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นโรงหมออย่าง CHG เพราะการที่หุ้นย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 3.90 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 234 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ทำให้เดี๊ยนรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า อาการไม่ค่อยดีกระมัง! แรงซื้อถึงแปรเปลี่ยนเป็นแรงขาย แถมหุ้นโรงพยาบาลกำลังหมดสตอรี่ที่เด็ดดวงพอดี เลยไปต่อไม่ไหวพะยะค่ะ
*คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น GPSC ก็ตกอยู่ในภาวะไปต่อไม่ไหวเช่นกัน แถมแรงซื้อก็มีเข้ามาแค่ประปราย เที่ยวก่อนเลยขึ้นไปได้สูงสุดแค่ระดับ 73 บาท “โมนิก้า” จึงอยากให้ทุกคนประเมินการยืนปิดที่ระดับ 66.50 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 359 ล้านบาท มีลุ้นเห็นหุ้นขึ้นไปทดสอบยอดเดิมไหม? เพราะสถานการณ์ลงทุนโดยรวมตอนนี้ดูไม่โสภาเอาเสียเลยนะตัวเอง
*อีกหนึ่งตัวอย่างที่นักเล่นต้องดูเป็นพิเศษ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นเดินเรืออย่าง TTA เพราะในทางทฤษฎี และในทางปฏิบัติถือว่า ปิดเกมมาตั้งนานแล้ว แต่หุ้นยังพยายามจะขึ้นตลอดเวลา แต่สุดท้ายก็ทำได้ดีสุดแค่วิ่งขึ้นไปที่ระดับ 10 บาท และอาจมีเซอร์ไพรส์นิดหนึ่งตอนที่พุ่งขึ้นไปถึง 12 บาท เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการขึ้นมาปิดที่ระดับ 9.70 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 113 ล้านบาท น่าลองเสี่ยงดูสักตั้งขนาดไหนจ๊ะ
*สำหรับคนที่อยากวัดพลังกับเจ้ามือ “โมนิก้า” ขอเชิญไปวัดฝีมือกับหุ้นตัวจี๊ดอย่าง ZIGA กันไปเลยดีกว่า เพราะการปล่อยให้หุ้นไหลลงมาปิดที่ระดับ 11.10 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 6.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 566 ล้านบาท มันเหมือนเป็นการทดสอบคนในขบวนช่วยรับหุ้นกันมากขนาดไหน? ขณะเดียวกันยังเป็นการบอกใบ้ให้รู้ว่า เจ้ามือยังไม่อยากขยับทำอะไรทั้งนั้น! จึงต้องร้องเพลงรอต่อไปเจ้าค่ะ