BFIT ตัดเพื่อเติม.!?
ที่เห็นหุ้น SAWAD และ BFIT กอดคอกันร่วงนั้น ทั้ง ๆ ที่ดีลนี้ก็จัดว่าดีต่อทั้งคู่ นั่นเป็นเพราะทั้งสองตัวกำลังขึ้นเครื่องหมาย XD พอดิบพอดี
ถ้าพูดถึงบริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BFIT ก็ถือเป็นอภิชาตบุตรคนหนึ่งของ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD (SAWAD ถือหุ้นใหญ่ใน BFIT 81.64%) เลยนะ เพราะที่ผ่านมาสามารถปั้นรายได้และกำไรให้กับ SAWAD ได้เป็นกอบเป็นกำ…
แต่ตอนนี้ดูเหมือนสถานการณ์เปลี๊ยนไป๋…ธุรกิจเงินทุนน่าจะมาถึงจุดอิ่มตัว ทำให้ไปต่อลำบาก บวกกับการมาของโควิด ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลงบการเงินไม่สวยเหมือนเก่า สะท้อนได้จากงบปี 2564 กำไรสุทธิเหลือแค่ 923 ล้านบาท จากปี 2563 เคยทำได้ 1,567 ล้านบาท ส่วนรายได้หายไปกว่าครึ่งอยู่ที่ 1,466 ล้านบาท ลดลงจากปี 2563 ที่เคยทำได้ 3,562 ล้านบาท
ขณะที่ไตรมาส 1/2565 กำไรสุทธิลดลง 69.70% เหลือแค่ 93 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 307 ล้านบาท
ถ้าอยู่แบบนี้ต่อไป BFIT คงตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก…ทำให้ BFIT ตัดสินใจคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุน 4 ประเภท ได้แก่ 1) กิจการเงินทุนเพื่อการพาณิชย์ 2) กิจการเงินทุนเพื่อการพัฒนา 3) กิจการเงินทุนเพื่อการจำหน่ายและการบริโภค และ 4) กิจการเงินทุนเพื่อการเคหะ…เพื่อปลดโซ่ตรวนจากแบงก์ชาติ
เมื่อคืนใบอนุญาตไปหมดแล้ว เท่ากับว่า BFIT ก็ไม่ต่างจากบริษัทกระดาษ ไม่มีธุรกิจ เป็นกระดองเต่าที่ไร้เนื้อ ทำให้ต้องหาธุรกิจใหม่เข้ามาเติม เลยเป็นที่มาของการดึงบริษัท ศรีสวัสดิ์แคปปิตอล จำกัด (SCAP) ซึ่งทำธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ หรือ Hire Purchase เข้ามา
โดย BFIT จะซื้อหุ้น SCAP จาก SAWAD สัดส่วน 65%, “วิชิต พยุหนาวีชัย” สัดส่วน 10% และผู้ถือหุ้นรายอื่นอีก 9 ราย สัดส่วน 25% มูลค่ารวม 18,000 ล้านบาท…
แต่ธุรกรรมนี้จะไม่ใช้เงินสักกะบาทเดียว เพราะ BFIT จะออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 750 ล้านหุ้น แทนการชำระด้วยเงินสด ในราคาหุ้นละ 24 บาท โดยแบ่งเป็น 3 ก้อน…ก้อนแรก จำนวน 487.50 ล้านหุ้น จัดสรรให้กับ SAWAD คิดเป็นมูลค่า 11,700 ล้านบาท
ก้อนที่สอง จำนวน 75 ล้านหุ้น จัดสรรให้กับ “วิชิต” มูลค่า 1,800 ล้านบาท และก้อนสุดท้าย จำนวน 187.50 ล้านหุ้น จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นรายอื่น คิดเป็นมูลค่า 4,500 ล้านบาท
ก็จะทำให้ BFIT มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาทันที…ถือเป็นการตัดเพิ่มเติมนั่นเอง..!!
ส่วนในมุมของ SAWAD ก็ไม่เสียหายอะไร จากเดิมที่เคยถือหุ้น SCAP โดยตรง ก็เปลี่ยนไปถือทางอ้อมผ่าน BFIT แทน…
ซึ่งก็ชัดเจนว่า สินเชื่อเช่าซื้อ (Hire Purchase) หรือสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็จะอยู่ภายใต้ BFIT ส่วนบริษัทแม่อย่าง SAWAD จะดูแลสินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ และธุรกิจ AMC ไป…
เอ๊ะ..!! ถ้าดูจากโครงสร้างที่เปลี่ยนไป ก็ไม่จำเป็นต้องเอา SCAP เข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วนะสิ เพราะ BFIT เข้ามาถือ 100% อย่างนี้ ก็เสมือน SCAP เข้าตลาดทางอ้อมไปแล้วโดยปริยาย..!?
แถมถ้าดูจากการที่ BFIT เตรียมจะเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามใหม่เป็น บริษัท ศรีสวัสดิ์แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) หรือ SCAP ด้วยแล้ว ก็น่าจะชัดเจนอ่ะนะ…
แต่ถ้าให้สวย “ธิดา แก้วบุตตา” น่าจะออกมาพูดให้ชัดอีกสักนิดก็คงดี…นักลงทุนจะได้ไม่ต้องคิดเดาไปเองให้ปวดกบาล…
ส่วนที่เห็นหุ้น SAWAD และ BFIT กอดคอกันร่วงนั้น ทั้ง ๆ ที่ดีลนี้ก็จัดว่าดีต่อทั้งคู่ นั่นเป็นเพราะทั้งสองตัวกำลังขึ้นเครื่องหมาย XD พอดิบพอดี…ฉะนั้นก็อย่าเพิ่งขายหมูไปก่อนล่ะ..!?
…อิ อิ อิ…