ส่งออกฟ้าเปิด!

ไฮไลท์สำคัญ “โมนิก้า” คงปักหมุดที่ประเด็นค่าเงินบาท ว่าแนวโน้มผันผวนในฝั่งอ่อนค่าตามหลายฝ่ายคาดการณ์ เล็งทดสอบแนวต้าน 34.50 บาทต่อดอลลาร์


*ไฮไลท์สำคัญ “โมนิก้า” คงปักหมุดที่ประเด็นค่าเงินบาท ว่าแนวโน้มผันผวนในฝั่งอ่อนค่าตามหลายฝ่ายคาดการณ์ เล็งทดสอบแนวต้าน 34.50 บาทต่อดอลลาร์ พร้อมลุ้นสู่เป้าไกล ทะยานตาม “กรุงไทย” คาดเงินบาทเสี่ยงอ่อนค่าแตะ 36 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก หากจีนคุมโควิดไม่อยู่ฉุดเศรษฐกิจ พ่วงแข็งค่าของเงินดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ ล้วนเป็นฟันเฟืองเกี่ยวโยงทั้งสิ้นพระเจ้าค่ะ

*เมื่อค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าต่อเช่นนี้ “โมนิก้า” พุ่งเป้าบวกต่อกลุ่มส่งออกจะได้ประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนชัดดัง สรท.คาดการณ์ว่าไตรมาส 2 ส่งออกโต 3.5-5% พร้อมรวมทั้งปี 65 โตราว 5% ซึ่งมีปัจจัยสำคัญ ว่าด้วยเรื่องค่าเงินอ่อนค่าลง เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าเติบโตต่อเนื่อง และดัชนีผู้จัดการฝ่ายการผลิตโลกคงทรงตัวเหนือเส้น Baseline ที่ระดับ 50 ถึง 60 ว่าเกิดการฟื้นตัวรวมถึงกิจกรรมภาคผลิตยังคงมีอยู่ต่อเนื่องเจ้าค่ะ

*ฉะนั้นการที่วันอังคารดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,652.29 จุด ลบไป 15.15 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.71 หมื่นล้านบาท ท่ามกลางเงินบาทอ่อนค่าไปใกล้ระดับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ เป็นการบอกแบบมีนัยว่าตลาดหุ้นยังไม่น่าไว้ใจ ทำให้ “โมนิก้า” วกไปกังวลเสี่ยงที่เห็นฟันโฟลว์นักลงทุนต่างชาติไหลออกระลอกใหม่ แต่ในเรื่องร้ายก็ยังมีเรื่องดีต่อการลงทุน อาจเป็นโอกาสหรือจังหวะเข้าเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มส่งออก จากค่าเงินบาทอ่อนค่าทุก ๆ 1 บาท เป็นบวกต่อกำไรเพิ่ม 3-1% ได้นะคะ

*เช่นกรณีของ CPF เริ่มเห็นหลายสำนักมองถึงความสดใสของธุรกิจนับจากนี้ ไม่ว่าในประเทศและเวียดนามเกิดสัญญาณฟื้นตัว รวมทั้งส่งออกไก่ไปยังซาอุฯ ที่ทยอยส่งนับตั้งแต่ปลาย มี.ค. เป็นต้นมาดีขึ้น สิ่งสำคัญหนีไม่พ้นได้รับอานิสงส์จากเงินบาทอ่อนค่าเป็นตัวกระตุ้น “โมนิก้า” จึงไม่เฉลียวใจกับราคาหุ้นบนกระดานค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นแบบเงียบ ๆ เช่นนี้ ล่าสุดขึ้นไปปิดที่ระดับ 24.20 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.41% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 343 ล้านบาทเจ้าค่ะ

*อีกหนึ่งราย ASIAN ดาวเด่นธีมเงินบาทอ่อนค่า ที่มักเห็นตามบทวิเคราะห์ประเมิน และจับตานักลงทุนอาจเข้าเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาสแรกน่าจะออกมาดี หลังจากเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจสำเร็จ มาเน้นกลุ่มอุตสาหกรรม High growth และ Margin สูง ตอกย้ำการเติบโตอนาคต ถึงแม้ราคาหุ้นล่าสุดปิดที่ระดับ 16.20 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 2.41% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 205 ล้านบาท งานนี้ “โมนิก้า” มองว่าอาจเป็นจังหวะทยอยสะสมรอบใหม่นะจ๊ะ

*ส่วนหุ้นตัวจี๊ดอย่าง MCS ราคาไต่ระดับขึ้นรอบใหม่อีกครั้ง ล่าสุดขึ้นมาปิดที่ระดับ 12.80 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 4.07% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 153 ล้านบาท แถมเป็นการเทรดบน P/E แค่ 4.14 เท่าแสนถูก พ่วงด้วยอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงถึง 10% มิหนำซ้ำพรายกระซิบว่ามีโอกาสคว้างานในมือเต็มกระบุง และปลายปีแว่วว่ามีบิ๊กโปรเจกต์ลูกค้าญี่ปุ่นเข้ามารออยู่แล้ว “โมนิก้า” จึงไม่แปลกใจที่เห็นไม้ใหญ่ ๆ เข้ามาช้อนซื้อตอนหุ้นลงยังไงล่ะเจ้าคะ

*อีกหนึ่งตัวอย่าง TH ที่ผันตัวจากหนอนหนังสือ มาลุยธุรกิจบริหารหนี้เสียตามเทรนด์นิยมถือเป็นการลงทุนที่สปาร์ค! คาดซัพพอร์ตผลงานไตรมาสแรกโตสนั่น ช่วงก่อนหน้าเลยมักเห็นแรงเก็งกำไรเป็นระยะ ๆ แม้ล่าสุดราคาหุ้นปิดที่ระดับ 6.25 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 4.58% “โมนิก้า” มองว่าการหันมาลงทุนธุรกิจใหม่เหมือนการหาตัวต่อจิ๊กซอว์ ถ้าต่อถูกก็เป็นรูปร่าง แต่ถ้าผิดก็ต้องรื้อแผงใหม่ โอมเพี้ยงหวังว่าแสดงอภินิหารให้ผลงานโตตามที่ได้ลั่นวาจาด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ

*ปิดท้ายในรายของ ZIGA เดี๊ยนมองเป็นการพักฐานชั่วคราว หลังถูกตลท.จับติด “แคชบาลานซ์” วันแรกอังคารที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เห็นราคาหุ้นย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 10.10 บาท ลบไป 1 บาท หรือลบไป 9.01% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 202 ล้านบาท โดยหากมองปัจจัยพื้นฐานก็ยังเห็นแววการเติบโตจากธุรกิจ “บิตคอยน์” เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาสแรก แบบนี้โอกาสที่จะได้เห็นราคารีบาวด์กลับมาโลดแล่นได้อีกในเร็ว ๆ นี้เจ้าค่ะ

Back to top button