สังคมข่าวหุ้น

ดัชนี SET ปิดวานนี้หลุดแนวรับสำคัญ 1,650 จุด ต้องมาดูกันว่า เป็นจังหวะที่ตลาดจะปรับฐานเลยหรือเปล่า


ดัชนี SET ปิดวานนี้หลุดแนวรับสำคัญ 1,650 จุด ต้องมาดูกันว่า เป็นจังหวะที่ตลาดจะปรับฐานเลยหรือเปล่า เพราะนักวิเคราะห์ต่างมองว่า หากดัชนีหลุดแนวรับดังกล่าว มีโอกาสที่จะลงมาบริเวณ 1,620-1,600 จุด หรืออาจจะหลุด 1,650 จุด มาบริเวณ 1,590-1,595 จุดได้…

วันก่อนที่เฟดประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ถือว่าเป็นไปตามคาด ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์ ส่วนที่คาดกันว่า ครั้งต่อไปจะปรับด้วยการหันมาใช้ยาแรงขึ้นทีเดียว 0.75% ประเด็นนี้เฟดไม่บอกปัด ทำให้ตลาดหุ้นฟื้นขึ้นมาได้ ส่วนของหุ้นไทยที่ร่วงลงไป มาจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ หลังจากค่าเงินบาทอ่อน ทำให้ต้องชะลอการเข้าลงทุน พร้อมสลับขายออกมาบ้าง ทำให้กระทบกับหุ้นในกลุ่ม SET50 จึงต้องเลี่ยง ๆ หุ้นขวัญใจต่างชาติออกไปก่อน…

ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง นักวิเคราะห์หันมาแนะนำหุ้นในกลุ่มส่งออกกันมากขึ้น และที่แนะนำตรงกันมากสุดคือ ASIAN เพราะเท่าที่ดูจากหลายบทวิเคราะห์ต่างแนะนำ “ซื้อ” รวมถึงหุ้นเช่น GFPT CPF KCE รวมถึงหุ้นกลุ่มเปิดเมืองที่ราคายังพอไปได้ MINT CENTEL ERW และ AOT ส่วนแนวโน้มวันนี้ ดัชนีน่าจะไซด์เวย์ เพราะไม่ได้มีปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามาหนุน เว้นแต่หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวนั่นแห

กลุ่มเจ มาร์ทของ “เสี่ยตุ้ม” อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ทั้ง JMART JMT SINGER วานนี้ นัดกันร่วง น่าจะมาจากราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาค่อนข้างสูง อย่าง JMART ที่มีราคาเป้าหมาย 65-75 บาท ปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก จนใกล้เต็มมูลค่า ทำให้มีการขายทำกำไรกันออกมาบ้าง สร้างฐานกันใหม่ เช่นเดียวกับ JMT ที่ราคาทะยานไปเกือบ 90 บาท จากราคาพื้นฐานใหม่ราว ๆ 100-105 บาท นี่ก็ขายทำกำไรเช่นกัน รวมถึง SINGER ด้วย ยังไงก็รอจังหวะย่อตัวดี เพราะหุ้นสามตัวนี้ เวลาย่อตัวลงมาสร้างฐาน ราคามักจะดีดกลับขึ้นไปสูงกว่าราคาครั้งก่อนแทบทุกครั้ง จากแนวโน้มธุรกิจที่เติบโตสูงแบบ Aggressive มาก

กลุ่มธนาคารพาณิชย์ราคานัดกันร่วงเช่นกัน KBANK หลุดแนวรับสำคัญ 150 บาท ต่างชาติน่าจะปรับพอร์ตขายทำกำไรออกมา หลังจากค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่า เพราะปกติแล้ว ก่อนหน้านี้หาก KBANK ลงมาบริเวณ 150 บาท บวกเล็กน้อย จะมีแรงรับเข้ามาทุกครั้ง แต่ครั้งนี้กดแบบไม้เดียวหลุด 150 บาท หากวันนี้ราคายังลงไปต่อ มีแนวรับถัดไปคือ 144 บาท และ 140 บาท หากจะต้องการลุยแบบปลอดภัยจริง ๆ ไปรอที่ 140 บาท น่าจะดีกว

SAWAD ของธิดา แก้วบุตตา หลังจับ BFIT ควบรวมกับ SCAP ประเด็นที่น่าสนใจนอกเหนือจากตัวของ SAWAD แล้ว ต้องจับตา BFIT กันใหม่ดี ๆ เพราะโมเดลธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือ จะช่วยดันรายได้และกำไรปีนี้เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด หลังมีการดีดลูกคิดฟันธงว่าปี 2565 SCAP จะมีกำไร 800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 170% และนับจากนี้ไป กำไรจะเติบโตก้าวกระโดดแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จากฐานที่ยังค่อนข้างต่ำ และธุรกิจหรือสินเชื่อที่ดำเนินการอยู่ มีอัตรามาร์จิ้นสูงมาก ทำให้ราคาของบีฟิทปัจจุบันยังไม่รับรู้รายได้และกำไรจาก SCAP ในอนา

บริษัท ไอร่า แอนด์ ไอฟุล จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการบัตรกดเงินสด “A money” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A money บัดดี้เรื่องเงิน” เตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการขยายธุรกิจในเชิงรุก สร้างโอกาสการเติบโตที่เป็นไปตามปกติของธุรกิจ (Organic Growth) และการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Inorganic Growth) ล่าสุดมีมติแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH เป็นที่ปรึกษาทางการเงินพาเข้าตลาดหุ้น

Back to top button