ดันไม่ขึ้น
หากมองสถานการณ์ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทั่วโลก “โมนิก้า” ต้องยอมรับโดยดุษฎีว่า ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มลงไปทดสอบแนวรับ สำคัญบริเวณ 1,600 จุด
*หากมองสถานการณ์ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทั่วโลก “โมนิก้า” ต้องยอมรับโดยดุษฎีว่า ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มลงไปทดสอบแนวรับสำคัญบริเวณ 1,600 จุดแบบเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ หรือแม้กระทั่งการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนหน้า ล้วนเป็นตัวแปรที่ทำให้เงินทุนไหลออกแทบทั้งสิ้น จึงมองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้หุ้นไทยไปต่อสวย ๆ นะจะบอกให้
*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะใช้คำว่า ดันไม่ขึ้นสำหรับการจั่วหัวข่าว เพราะแรงซื้อที่เข้ามาเที่ยวนี้เป็นแค่แรงเก็งกำไร ซึ่งไม่มีผลสำหรับการเคลื่อนตัวในระยะกลาง และยังทำให้แพทเทิร์นการขยับตัวอยู่ในโหมดแกว่งตัวลงอย่างเต็มตัว ซึ่งสังเกตได้จากอาการหลุดแนวรับสำคัญลงมาทีละจุด ไล่เรียงตั้งแต่ระดับ 1,680 จุด ต่อจากนั้นก็ทรุดฮวบลงมาต่ำกว่าระดับ 1,650 จุดไงล่ะคะ
*ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องแปลกใจที่ดัชนีแสดงอาการป้อแป้ให้เห็นเป็นประจำ จนสุดท้ายลงมายืนปิดที่ระดับ 1,629.58 จุด ลบไป 13.72 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.26 หมื่นล้านบาท ผนวกกับปัญหาข้าวยากหมากแพงยังตามหลอกหลอนไม่เลิก “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับทำตัวตามกระแสไปก่อน เพราะมองไม่เห็นมุมที่จะทำให้หุ้นใหญ่จะกลับมาผงาดอีกครั้ง จึงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์แบบวันต่อวันพะยะค่ะ
*ขนาดตัว “เจ๋ง ๆ แน่ ๆ” อย่างหุ้น EA ยังถูกจัดใหญ่ไฟกะพริบเป็นช่วง ๆ จนราคาหุ้นร่วงลงมาปิดที่ระดับ 85.25บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 2.01% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.98 พันล้านบาท น่าจะเป็นภาพสะท้อนท่าทีของสถาบันที่มีต่อตลาดหุ้นไทยได้เป็นอย่างดี จึงต้องรอแรงขายสถาบันสะเด็ดน้ำเสียก่อน ต่อจากนั้นค่อยลุยเก็บหุ้นก็ยังไม่สายเกินไป เพราะบรรยากาศตลาดหุ้นไม่เอื้อต่อการเล่นจริง ๆ จ้า
*คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้นตามหนี้ JMT ทุกประการ เพราะเมื่อดูจากผลงานในอดีต ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน และมองไปถึงอนาคต ก็ยังเป็นหุ้นที่ทำผลงานโตไม่หยุด แต่ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในยามนี้ ทำให้รู้ว่า ต่อให้ดีขนาดไหน..ก็ไม่มีใครกล้าเล่น ราคาหุ้นถึงทิ้งดิ่งลงมาปิดที่ระดับ 78.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 1.88% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.64 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโอกาสทองสำหรับคนที่มีเงินเย็นเจ้าค่ะ
*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเหลียวหลังไปมองหุ้น COM7 ซึ่งเต็มไปด้วยขาใหญ่มากมาย ก็ยังถูกกระหน่ำขายไม่เลี้ยงเช่นกัน จึงกลายเป็นช็อตที่ต้องติดตามดูว่า แนวรับสำคัญที่บริเวณ 36 บาท ยังทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบหรือเปล่า ? เพราะบรรยากาศตลาดหุ้นทั่วโลกไม่อำนวยความสะดวกในการเล่นเท่าที่ควร หุ้นจึงทรุดตัวลงมาปิดที่ 39.25 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.26% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 551 ล้านบาทนะจ๊ะ
*ส่วนรายที่ต้องลงไปเลียแผลให้หายดีเสียก่อนอย่าง SCGP ก็กลายเป็นหุ้นที่แฟนคลับต้องถอยห่างเป็นการชั่วคราว โดยเฉพาะในมุมของต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น ก็กลายเป็นตัวหลอกหลอนนักเล่นตลอดเวลา ราคาหุ้นถึงทรุดโทรมจนมองไม่เห็นหนทางฟื้นตัวในระยะสั้น ผนวกกับการลงมาทำนิวโลว์ที่ระดับ 52.00 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 4.59% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 893 ล้านบาท กลายเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่า น่าจะมีโลว์ใหม่เกิดขึ้นอีกนะคะ
*ส่วนรายที่กลับมาเล่นใหม่อย่าง JDF กลายเป็นช็อตของการเคาะสั้นตามกระแส ไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่าที่ผ่านมา “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินสถานการณ์ของหุ้นจากการขยายกำลังการผลิต มันช่วยสร้างแวลูให้กับตัวหุ้นมากขนาดไหน ? ต่อจากนั้นจะเข้าใจเหตุผลที่ราคาหุ้นขึ้นมาปิดในระดับ 4.40 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 3.29% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 128 ล้านบาท เหมาะต่อการเข้าซื้อขนาดไหน ?..อิอิอิ
*ประเด็นของหุ้นที่น่าเข้าเล่น ทำให้ “โมนิก้า” เลือกมองไปที่หุ้นน้องใหม่อย่าง BIS แบบไม่ลังเลใจ เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 9.75 บาท บวกไป 0.85 บาท หรือขึ้นไป 9.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.26 พันล้านบาท มันมาพร้อมกับข่าวเม้าท์ที่ว่า ผลงานปีนี้โตเด่นอย่างแน่นอน เพราะลูกค้าที่เป็นผู้เลี้ยงสัตว์รายใหญ่ของประเทศ มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ผสานกับขาใหญ่ของตลาดหุ้นอย่าง เสี่ย ย. ยังเดินหน้าเข้าเก็บหุ้นเข้าพอร์ต จึงเดาได้ทันทีว่า เกมยาวนะตัวเอง