ขายลูกเดียว

*ก่อนอื่นขอพูดตามตรงว่า เดี๊ยนไม่ใช่คนโลกสวย (เฉพาะเดือนนี้) เหมือนเดินอยู่กลางทุ่งลาเวนเดอร์ เพราะเรื่องราวที่ซึมซับเข้ามาในแต่ละวันเต็มไปด้วยข่าวร้าย จนมองไม่เห็นหนทางที่ตลาดหุ้นไทยจะผงกหัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ผสานกับเซียนหุ้นหลายคนพูดไปในทางเดียวกันว่า ขายลูกเดียวเพื่อความสบายใจ และชะลอเคาะหุ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยง สภาพของตลาดหุ้นไทยถึงมีแต่ทรงกับทรุดไงล่ะคะ


*ก่อนอื่นขอพูดตามตรงว่า เดี๊ยนไม่ใช่คนโลกสวย (เฉพาะเดือนนี้) เหมือนเดินอยู่กลางทุ่งลาเวนเดอร์ เพราะเรื่องราวที่ซึมซับเข้ามาในแต่ละวันเต็มไปด้วยข่าวร้าย จนมองไม่เห็นหนทางที่ตลาดหุ้นไทยจะผงกหัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ผสานกับเซียนหุ้นหลายคนพูดไปในทางเดียวกันว่า ขายลูกเดียวเพื่อความสบายใจ และชะลอเคาะหุ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยง สภาพของตลาดหุ้นไทยถึงมีแต่ทรงกับทรุดไงล่ะคะ

*ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ไม่แปลกใจที่ดัชนีทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,613.34 จุด ลบไป 9.44 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.16 หมื่นล้านบาท เพราะมองในมุมของแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน มันไม่มีจังหวะที่จะทำให้ดัชนีโงหัวขึ้นมาได้เลยจริง ๆ เดี๊ยนถึงมองการเข้าลงทุนเที่ยวนี้เป็นลักษณะรับเมื่ออ่อนตัว และเป็นการซื้อลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว ซึ่งเป็นการใช้เงินสดในพอร์ตราว 30% นะจะบอกให้

*ที่น่าสนใจคือ หากมองสถานการณ์ข้างหน้าแบบไล่เรียงไทม์ไลน์กันไปเรื่อย ๆ จะเห็นว่า เดือน พ.ค. เป็นเดือนของการขายอย่างเดียว โดยมีตัวเร่งมาจากงบไตรมาส 1 เป็นสำคัญ ซึ่งในที่นี้หมายรวมถึง “งบดี” และ “งบไม่ดี” ก็ต้องโดนขายวันยันค่ำ ส่วนในเดือน มิ.ย. จะเป็นช่วงที่โดนผลกระทบจากเงินเฟ้อ และการที่เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะสร้างแรงกดดันให้กับนักลงทุนอย่างหนัก จนเกิดความวิตกกังวลว่า ไตรมาส 2 ผลงานจะออกมาไม่ดีน่ะซี

*นอกจากนี้เมื่อมองถึงเดือน ก.ค. จะเห็นว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่น่าจะทำการปรับลดประมาณการดัชนีในช่วงครึ่งหลังปี 65 อันเป็นผลมาจากปัญหาเงินเฟ้อ น้ำมันแพง ค่าเงินผันผวน งบไม่เป็นตามคาด แต่ในขณะเดียวกันก็มีลุ้นต่างชาติซื้อหุ้นอีกครั้ง จึงกลายเป็นจังหวะที่เปิดเกมรุกได้อย่างเต็มตัว “โมนิก้า” จึงอยากให้แฟนคลับประเมินสิ่งที่เม้าท์ให้ฟังน่าเชื่อถือขนาดไหนพะยะค่ะ

*เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้น BANPU ก็ทำให้รู้ว่า ต้องดูไส้ในของกำไรมหาศาลมาจากส่วนไหนเป็นหลัก และพบว่า มีกำไรจากการขายเงินลงทุนสูงถึงระดับ 6 พันล้านบาท ขณะที่กำไรพื้นฐานที่มาจากธุรกิจจริง ๆ ก็โตในระดับ 10% แต่ราคาหุ้นกลับไม่ตอบรับข่าวดีดังกล่าว ก่อนจะโรยตัวลงมาปิดที่ระดับ 11.80 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.79 พันล้านบาทแบบนี้ ถอยตั้งหลักก่อนดีกว่านะคะ

*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงหุ้นที่โดนต้นทุนพลังงานเล่นงานหนักอย่าง IRPC ขึ้นมาทันที เพราะอาการโรยตัวลงมาเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ต้นปี 65 คือภาพสะท้อนของการยอมจำนนต่อปัจจัยเหนือการควบคุม วานนี้จึงเป็นอีกวันที่หุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 3.22 บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 4.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 855 ล้านบาทแบบไร้ทางสู้ เลยต้องลุ้นกันอีกทีว่า ไตรมาส 2 จะบริหารต้นทุนได้ดีขนาดไหนเจ้าค่ะ

*ขนาดหุ้นที่มีขาใหญ่เล่นประจำอย่าง COM7 ยังถูกกระหน่ำขายไม่เลี้ยง จนหุ้นร่วงจากระดับ 43 บาท ลงมาอย่างรวดเร็ว โดยที่วานนี้ยืนปิดในระดับ 36 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 5.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 838 ล้านบาท ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ 10 วัน มูลค่าของตัวหุ้นก็วูบไป 15% “โมนิก้า” จึงอยากให้นักเล่นไตร่ตรองดูให้ก่อนลุย เพราะรู้สึกไม่มั่นใจว่า ฐานแนวรับที่บริเวณ 34 บาทจะเอาอยู่จ้า!

*สำหรับอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนความกังวลของผู้คนได้เป็นอย่างดี “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น WICE เพื่อชี้ให้เห็นผลงานไตรมาส 1 ก็สุดบรรเจิด แต่สุดท้ายก็โดนถล่มจนลงมากองอยู่ที่ 15.60 บาท ลบไป 1.60 บาท หรือลงไป 9.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 495 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ล้วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับจีนล็อกดาวน์ และบรรยากาศลงทุนไม่เอื้อ จึงไปต่อไม่ไหวไงล่ะคะ

*คล้ายกับหุ้นที่เป็นแหล่งชุมนุมของ “เสือสิงห์กระทิงแรด” อย่าง DITTO ก็มีประเด็นให้พูดถึงเยอะพอสมควร โดยเฉพาะประเด็นที่ชวนสงสัยว่า เส้นใหญ่มากพอที่จะเข้างานระบบราชการจริงเหรอ? รวมทั้งสิ่งที่เม้าท์กันให้แซ่ดว่า แบ็คการเมืองหนุนหลังมันใช่เรื่องจริงหรือเปล่า? รวมทั้งการทรุดตัวลงมาปิดที่ 59.75 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 181 ล้านบาท คือจังหวะของการคลำฐาน หรือจะเป็นการลงต่อ..ต้องไปถามเซียนฮงกันเอาเองนะจ๊ะ

Back to top button