ถอยกับถอย

ในที่สุดสิ่งที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกกังวลอย่างแรงก็เกิดขึ้นจริงจนได้ โดยเฉพาะในช่วงของการประกาศงบไตรมาส 1 มันเป็นสถานการณ์กระทบแวลูของหุ้นแบบเต็ม ๆ


*ในที่สุดสิ่งที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกกังวลอย่างแรงก็เกิดขึ้นจริงจนได้ โดยเฉพาะในช่วงของการประกาศงบไตรมาส 1 มันเป็นสถานการณ์กระทบแวลูของหุ้นแบบเต็ม ๆ และนำไปสู่การขายหุ้นทิ้งแบบไม่ดูดำดูดี เพราะตัวเลขกำไรที่ลดลงมันทำให้เชื่อว่า งบไตรมาส 2 จะออกทะเลไปอีก จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทนถือหุ้นต่อไปทั้งที่เห็นกันเต็มสองลูกตาว่า แนวรับสำคัญบริเวณ 1,600 จุดถูกทดสอบถี่ขึ้น และเริ่มเอาไม่อยู่ไงล่ะจ๊ะ

*สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,584.52 จุด ลบไป 28.82 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.25 หมื่นล้านบาทอย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นภาพสะท้อนเรื่องราวที่ “โมนิก้า” พยายามย้ำกับแฟนคลับเป็นประจำในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยทั้งหมดมีจุดเริ่มต้นมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และมีขาเผือกที่ทำตัวจุ้นจ้านอย่างอเมริกา คอยปลุกปั่นความร้าวฉานให้เกิดขึ้นทั่วโลก (บริษัทขายอาวุธของอเมริการวยถ้วนหน้า) นะจะบอกให้

*วันนี้จึงต้องเอ่ยถึงหุ้นฟอร์มฝืดเพื่อให้แฟนคลับได้ประเมินการอ่อนตัวลงมาเที่ยวนี้ มันลงมาถึงจุดต่ำสุดของเรื่องราวแล้วหรือยัง รวมทั้งแรงจูงใจที่จะทำให้แฟนคลับกล้าเข้าไปเก็บหุ้นมาจากประเด็นไหน “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องประเมินทุกอย่างด้วยตนเอง ผนวกกับความคิดเห็นส่วนตัวของเดี๊ยนในระยะสั้นมีแค่ “ถอยกับถอย” จึงมองไม่เห็นจุดที่เหมาะต่อการเข้าไปรับของน่ะซี

*คล้ายกับอาการทรุดตัวของหุ้น MTC นับตั้งแต่ปลายปีก่อน ต่อเนื่องจนมาถึงปีนี้ จนสุดท้ายลงมายืนปิดที่ระดับ 40.50 บาท ลบไป 4 บาท หรือลงไป 9% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.42 พันล้านบาท พร้อมกับทำโลว์ในรอบ 2 ปี 1 เดือน ท่ามกลางตัวเลขกำไรไตรมาส 1 ไม่โตแบบนี้ มันคือภาพสะท้อนที่ทำให้รู้ว่า ธุรกิจเงินทุนกำลังอยู่ในช่วงอิ่มตัว และต้องหา “นิว เอสเคิร์ฟ” ให้ได้เสียก่อน ต่อจากนั้นถึงจะได้เวลาเก็บหุ้นเจ้าค่ะ

*ส่วนรายที่โดนผลกระทบจากต้นทุนพลังงานพุ่งอย่างหุ้น PTTGC ถือเป็นช็อตที่นักเล่นต่างกุมขมับไปอีกนาน เพราะตราบใดที่ต้นทุนพลังงานอยู่ในระดับสูง ย่อมกระทบโดยตรงกับธุรกิจปิโตรเคมีเต็ม ๆ “โมนิก้า” จึงรู้สึกเห็นใจที่หุ้นตัวนี้โดนถล่มไม่ยั้ง จนวานนี้ลงมานอนกลิ้งที่บริเวณ 44.75 บาท ลบไป 3.25 บาท หรือลงไป 6.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.86 พันล้านบาท และทำให้เดี๊ยนต้องหันไปมองฐาน 45 บาทขึ้นมาทันทีจ้า!

*สำหรับในรายของหุ้น CRC ที่โชว์ผลงานเทิร์นอะราวด์ได้สะแด่วแห้ว ก็ตกอยู่ในสภาพของ sell on fact แบบเต็มตัว ผนวกกับบรรยากาศการลงทุนไม่เป็นใจให้เล่นต่อ ราคาหุ้นถึงทรุดลงมากองอยู่ที่ระดับ 36.75 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 5.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.98 พันล้านบาทแบบนี้ มันเป็นเกมที่เหมาะสำหรับการถอยรับ เพราะของมันเห็นลาง ๆ ว่า ปีนี้ผลงานดีกว่าปีก่อนแน่ ๆ และแวลูของหุ้นจะเพิ่มขึ้นอัตโนมัตินะคะ

*ส่วนรายที่น่าหนักใจสำหรับการเล่นเที่ยวนี้ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นชาเขียวอย่าง ICHI หลังมีแรงขายกระหน่ำใส่ไม่หยุดหย่อน จนราคาหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 8.70 บาท ลบไป 1.60 บาท หรือลงไป 15.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 567 ล้านบาท ล้วนมาจากกำไรลดอย่างมีนัยสำคัญ จึงสร้างแรงกดดันให้แฟนคลับขาประจำต้องขายหุ้นออกไปก่อน ผสานกับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศก็ไม่เอื้อให้คนใช้เงินฟุ่มเฟือย หุ้นจึงมีโอกาสลงต่อสูงนะจ๊ะ

*ขนาดที่แมงลือเม้าท์ว่า เจ๋ง ๆ เก๋า ๆ อย่างหุ้น YGG ยังถูกกระหน่ำขายไม่ไว้หน้า “โมนิก้า” ก็รู้ทันทีว่า เจ้าเผ่น! ราคาหุ้นถึงทรุดลงมากองอยู่ที่ระดับ 8.50 บาท ลบไป 2.10 บาท หรือลงไป 19.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 249 ล้านบาทอย่างรวดเร็ว พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 6 เดือน มันเป็นสถานการณ์ที่ทำให้รู้ว่า จังหวะนี้ขอเก็บเงินสดไว้กับตัวดีกว่า เพราะสถานการณ์รอบด้านไม่มีอะไรน่าวางใจสักอย่างจ้า!

*เม้าท์ถึงเรื่องไม่น่าไว้ใจขึ้นมาทั้งที ก็ต้องเม้าท์ถึงหุ้น EASTW กันสักหน่อย หลังผู้บริหารอย่าง “อัศวินี” ต้องทำหนังสือชี้แจงเรื่องลับลมคมในกับ ก.ล.ต. ภายใน 15 วัน ก็ทำให้ “โมนิก้า” นึกขึ้นมาได้ทันทีว่า คนที่อยู่เบื้องหลังมหกรรมป่วนประมูลท่อส่งน้ำอีอีซีคือ เจ๊.ด เมียของนายพลวงการคนมีสี ซึ่งจับมือกับเจ้าของรถไฟฟ้าหลากสีรายใหญ่ หลังรู้ดีว่า นี่คือขุมทรัพย์ก้อนใหญ่สำหรับนักการเมือง จึงไม่ต้องแปลกใจที่เห็นคนของ “เพื่อไทย” และ “พปชร.” ขันอาสาเพื่อรับงานนี้แบบออกหน้าออกตา..จริงหรือไม่จริง ก็ตามข่าวกันเอาเอง เพราะเดี๊ยนก็ฟังเขามาอีกทีนะคะ

Back to top button