DRT ตราเพชรแกร่ง

คุณค่าบริษัท

เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่เติบโตสวนวิกฤตโควิด สำหรับบริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด ยิปซัม อิฐมวลเบา คานทับหลัง เคาน์เตอร์มวลเบาสำเร็จรูปและบริการหลังการขาย ภายใต้ตราสินค้า “ตราเพชร” ที่โชว์ผลงานในปี 2564 ทำนิวไฮทั้งรายได้ และกำไรสุทธิ โดยมีกำไรสุทธิ 585.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.03% จากปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 557.42 ล้านบาท และมีรายได้รวม 4,825.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.44% จากปี 2563 ที่มีรายได้รวม 4,409.15 ล้านบาท

สาเหตุมาจากรายได้จากการขายสินค้าผ่านกลุ่มลูกค้าโครงการบ้านจัดสรรและกลุ่มลูกค้าโมเดิร์นเพิ่มขึ้นเป็นหลัก

จุดแข็งของ DRT คือ มีผลิตภัณฑ์และช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย ทำให้สามารถบริหารความเสี่ยงและปรับตัวให้สอดรับภาวะอุตสาหกรรม และพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงได้ดี อีกทั้งยังประสบความสำเร็จกับการบริหาร Product Mix ที่สามารถผลักดันอัตราการทำกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น โดยในปี 2565 ตั้งเป้าหมายจะรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ 27-29% จากปี 2564 อยู่ที่ระดับ 28.29%

ส่วนเป้าหมายรายได้ในปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 5% สอดคล้องทิศทางฟื้นตัวของตลาดวัสดุก่อสร้าง โดยบริษัทมุ่งรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยทั้งปีไม่ต่ำกว่า 80-90% จากปี 2564 ที่ใช้กำลังการผลิตในระดับ 84-85% ของกำลังการผลิตรวมที่ 1.15 ล้านตันต่อปี เพื่อให้เกิด Economy of Scale หรือต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่ต่ำ

โดยกลยุทธ์หลักจะเน้นใช้เทคโนโลยีไอทีเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ทั้งการขายและการตลาด การบริหารจัดการต้นทุนและวางแผนการผลิต ควบคู่การบริหารจัดการด้านทรัพยากรและพลังงานหมุนเวียนอย่างคุ้มค่า ภายใต้แนวคิด “Circular Economy” พร้อมมุ่งสื่อสารการตลาดผลิตภัณฑ์ ตอกย้ำแนวคิด “สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง” ผ่านช่องทาง Online และ Offline ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

ด้าน บล.เมย์แบงก์ คาดยอดขายในไตรมาส 1/2565 ของ DRT จะอยู่ที่ 1,370 ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดจะรักษาระดับได้อย่างน้อย 27% ซึ่งจะต่ำกว่าปีก่อน 30.2% ถูกกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น เบื้องต้นประเมินจะมีกำไรประมาณ 175 ล้านบาท ดีขึ้น 90%  จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น DRT ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 10.59 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 19.45 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายต่ำกว่าตลาด แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าดู P/BV ที่ระดับ 2.89 เท่า ก็อาจสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ส่วนใหญ่ P/BV จะอยู่ที่ระดับ 1-2 เท่า

…

รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่

1. บริษัท มายเรียด วัสดุ จำกัด 487,847,900 หุ้น 57.06%
2. กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว 23,947,600 หุ้น 2.80%
3. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 17,425,374 หุ้น 2.04%
4. กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว 75/25 15,690,400 หุ้น 1.84%
5. นายปริญญา เธียรวร 15,000,000 หุ้น 1.75%

รายชื่อกรรมการ

1. นายประกิต ประทีปะเสน ประธานกรรมการ
2. นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, กรรมการ
3. นายอัศนี ชันทอง กรรมการ
4. นายชัยยุทธ ศรีวิกรม์ กรรมการ
5. นายวรายุ ประทีปะเสน กรรมการ
6. นายฉัตรชัย ทีปสุวรรณ กรรมการ
7. นายกมลพัฒน์ ทีปสุวรรณ กรรมการ
8. นายสุนทร สุวรรณเจตต์ กรรมการ
9. นายศักดา มณีรัตนฉัตรชัย กรรมการอิสระ, ประธานกรรมการตรวจสอบ
10. นายอนันต์ เล้าหเรณู กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ
11. นายวุฒิไกร โสตถิยานนท์ กรรมการอิสระ
12. นายธนิต ปุลิเวคินทร์ กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ