RS สปินออฟ CHASE
ตั้งแต่ประกาศปิดดีลซื้อธุรกิจขายตรง “Unilever Life” หรือ “ยูไลฟ์” RS ของ “เฮียฮ้อ” ก็แทบกลืนหายเข้ากลีบเมฆไปเลย...
ตั้งแต่ประกาศปิดดีลซื้อธุรกิจขายตรง “Unilever Life” หรือ “ยูไลฟ์” จากยูนิลีเวอร์ มูลค่า 877.6 ล้านบาท ไปเมื่อช่วงต้นปี…บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ของ “เฮียฮ้อ” – สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ก็แทบกลืนหายเข้ากลีบเมฆไปเลย…
ไม่มีข่าวฉาว อุ๊ย…ข่าวคราวความเคลื่อนไหวออกมาให้เห็น ซึ่งมันเงียบผิดวิสัยนะเนี่ย…เลยพลอยทำให้หุ้น RS หลุดจากจอเรดาร์นักลงทุนไปด้วยน่ะสิ…
ล่าสุดเพิ่งกลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง ก็กรณีเตรียม Spin-Off บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด (CHASE) ซึ่งเป็นหลานนอกไส้ ถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัท อาร์ อัลไลแอนซ์ จำกัด (R Alliance) ในสัดส่วน 35% เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ นี่แหละ…
“เชฎฐ์ เอเชีย” เป็นบริษัทที่ RS ทุ่มงบ 920 ล้านบาท แลกกับหุ้น 35% เข้ามาอยู่ในพอร์ต ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 โดยประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ ดำเนินคดี และบังคับคดี มี 3 บริษัทย่อย ได้แก่ 1) บริษัท บริหารสินทรัพย์ ซีเอฟ เอเชีย จำกัด ประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ 2) บริษัท รีโซลูชั่น เวย์ จำกัด ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคล และรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากผู้ประกอบธุรกิจสถาบันการเงินและที่มิใช่สถาบันการเงิน และ 3) บริษัท คอร์ทส์ เม็กก้าสโตร์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งได้รับยกเว้นจากการขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท.
จุดที่น่าสนใจ ต้องบอกว่า จากพิษโควิดที่ยืดเยื้อ ถูกมองว่าจะมีหนี้เสีย หรือ NPL เข้าสู่ตลาดมูลค่ามหาศาล ซึ่งจะกลายเป็นโอกาสของบริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือ AMC…ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็มีหลายบริษัทไปจับมือกับแบงก์ตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อให้ได้มาซึ่ง NPL เข้ามาบริหาร
โอเค…แม้จะมีหลายเจ้าอยู่ในตลาด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเล็ก เจ้าใหญ่ที่ร่วมชิงเค้กก้อนนี้ แต่เนื่องจากเป็นเค้กก้อนที่ใหญ่มว๊ากกก ทำให้กลายเป็นยุคทองของ AMC ไปโดยปริยาย…
แน่นอน RS ก็อาศัยจังหวะนี้ Spin-Off เชฎฐ์ เอเชีย ออกมา เพื่อขายไอพีโอจำนวน 417 ล้านหุ้น…
อย่างนี้เค้าเรียกว่า ตีเหล็กต้องตีตอนร้อนใช่ป่ะคะ “เฮียฮ้อ” ขาาา..!!
แล้วถ้าเดาไม่ผิด ไอพีโอของเชฎฐ์ เอเชีย ก็น่าจะอยู่ในความสนใจ เพราะธุรกิจอยู่ในกระแสที่จะเติบโต หรือมากกว่านั้นหาก เชฎฐ์ เอเชีย ได้ไปจับกับแบงก์ ก็จะทำให้ไอพีโอมีความน่าสนใจมากขึ้นไปอีก…
ขณะที่การขายไอพีโอจะทำให้ เชฎฐ์ เอเชีย มีเงินหน้าตักก้อนใหญ่เพื่อไปช้อปปิ้ง NPL เข้ามาบริหาร
ที่สำคัญ จะทำให้เชฎฐ์ เอเชีย มีสถานะเปลี่ยนไป…จากเดิมเป็นบริษัทอยู่นอกตลาด อาจมีข้อจำกัดในเรื่องของเงินทุน แต่พอเข้ามาอยู่ในตลาดปุ๊บ อันดับแรก จะทำให้ฐานทุนแข็งแกร่งขึ้น เวลาจะไปขอกู้แบงก์ สามารถกู้ได้วงเงินเยอะขึ้น แล้วดอกเบี้ยถูกลง
ถัดมามีช่องทางการระดมทุนหลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกู้แบงก์ ขายหุ้นกู้ หรือการเพิ่มทุน…
และสุดท้าย เงินที่ได้จากการระดมทุน แทบไม่มีต้นทุน…เมื่อเอาไปซื้อหนี้มาบริหาร ก็จะทำให้มีมาร์จิ้นที่สูงขึ้น กำไรก็จะมากขึ้นด้วย
ส่วนในมุมของ RS แม้สัดส่วนการถือหุ้นในเชฎฐ์ เอเชีย จะลดลง จากเดิม 35% เหลือ 20.35% แต่จะได้มูลค่าเพิ่มมากขึ้น…ไม่นับรวมการขายหุ้นสามัญเดิมที่ RS จะนำออกมาขายไม่เกิน 145 ล้านหุ้น ที่จะรับทรัพย์เข้ากระเป๋าก่อนเลย…
งานนี้คุ้มยิ่งกว่าคุ้มนะเนี่ย
ก็ต้องติดตามว่า เชฎฐ์ เอเชีย จะเฉิดฉายแค่ไหน..?
และจะทำให้ RS กลับมาเปล่งรัศมีได้หรือเปล่า..? โปรดติดตามตอนต่อไป…
…อิ อิ อิ…