แหลมมาปุ๊บ..โดนตบปั๊บ

วันนี้ “โมนิก้า” ขอมาในแนวละครน้ำเน่าที่มีลักษณะเหมือนแม่ผัว และตัวร้าย รุมตบนางเอกอย่างรุนแรง แต่นางเอกก็มีแรงฮึดสู้กลับแบบไม่มีถอย


*วันนี้ “โมนิก้า” ขอมาในแนวละครน้ำเน่าที่มีลักษณะเหมือนแม่ผัว และตัวร้าย รุมตบนางเอกอย่างรุนแรง แต่นางเอกก็มีแรงฮึดสู้กลับแบบไม่มีถอย จนท้ายที่สุดพระเอกก็เข้ามาห้ามทัพ ซึ่งส่งผลให้สถานการณ์สงบลง ล้วนเป็นพล็อตเรื่องที่คล้ายคลึงกับอาการของตลาดหุ้นไทย เดี๊ยนถึงเชื่อเหลือเกินว่า เมื่อตลาดหุ้นไทยโดนกดอย่างหนักหน่วงในระดับหนึ่ง ต่อจากนั้นจะเด้งแรงตามระเบียบ ก่อนจะยืนแกว่งแคบ ๆ รอปัจจัยบวกเข้ามาหนุนนะจ๊ะ

*ที่สำคัญคือ หากย้อนรอยข้อมูลที่เคยเกริ่นไว้ก่อนหน้านี้จะเห็นว่า จุดเซตของเกมยังอยู่ที่ระดับ 1,600 จุด และสามารถบวกลบได้ประมาณ 20 จุด ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ “โมนิก้า” พยายามย้ำกับแฟนคลับเสมอว่า ช่วงนี้เดี๊ยนเชื่อในเรื่องของสัญญาณเทคนิคมากกว่าเรื่องของพื้นฐาน เพราะปัจจัยรอบด้านไม่มีประเด็นไหนที่ทำให้เชื่ออย่างสนิทใจว่า ทุกอย่างจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งไงล่ะจ๊ะ

*สถานการณ์ดังกล่าวทำให้การเล่นรอบ หรือกระโดดเข้ามาเล่นเก็งกำไร กลายเป็นทางเลือกที่ดีสุดในยามนี้ “โมนิก้า” ถึงไม่อยากไปห้ามปรามอะไรที่มากไปกว่านี้ เพราะคนที่เข้ามาเล่นหุ้นในช่วงผันผวน ล้วนเป็นนักเล่นประเภทเสือปืนไวกันทั้งนั้น และการที่ดัชนีย่อตัวแล้วเด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,620.33 จุด บวกไป 5.84 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.38 หมื่นล้านบาท จึงกลายเป็นเรื่องที่ทำอะไรพวกเขาไม่ได้..จริงไหมจ๊ะ

*เหมือนกับการทะยานขึ้นของหุ้น CRC จนสามารถยืนปิดที่ระดับ 37 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 2.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 858 ล้านบาท ล้วนเป็นผลมาจากผู้คนมากมายออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น ผสมโรงกับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพิ่มขึ้นทุกวัน จึงอนุมานได้ทันทีว่า ผลงานไตรมาส 2 น่าจะออกมาปังปุริเย่! ซึ่งเปิดโอกาสให้นักเล่นเข้ามาเล่นรอบกันอีกครั้ง โดยมีความหวังอยู่ที่ยอดเก่าบริเวณ 42 บาทนะจะบอกให้

*ส่วนรายที่เริ่มฟื้นตัวอีกรอบ และฟอร์มตัวค่อนข้างสวย “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นบัตรเครดิตอย่าง KTC เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นมาปิดที่ระดับ 60 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 868 ล้านบาท เหมือนเป็นการส่งสัญญาณไม่ได้มาเล่น ๆ และมีลุ้นเห็นยอดเก่าบริเวณ 68 บาทอีกด้วยแบบนี้ น่าจะเป็นจังหวะของการโหนกระแสสำหรับคนที่คิดว่า ครึ่งปีหลังผลงานมาแบบจัดเต็มเจ้าค่ะ

*เมื่อนักเล่นกล้าได้กล้าเสียมากขึ้น “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นมะเขือเผา TASCO หลังราคาหุ้นเปิดกระโดดตั้งแต่หัววัน ก่อนจะลงเอ่ยด้วยการยืนปิดที่ระดับ 17 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 6.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 407 ล้านบาท พร้อมกับทำนิวไฮในรอบ 2 เดือนแบบนี้ เดี๊ยนคงมองได้แค่ว่า เป็นการดันหุ้นรับข่าวผลงานมีแนวโน้มดีขึ้น หรือไม่ก็เป็นการดันไปออกของเหมือนเช่นรอบก่อน ๆ..ส่วนประเด็นอื่นเดี๊ยนมองไม่ออกจริง ๆ จ้า!

*สถานการณ์รายข้างต้นช่างคล้ายคลึงกับหุ้น TTCL เสียเหลือเกิน เพราะการเปิดกระโดดแล้ววิ่งขึ้นไปถึง 4.86 บาท ก่อนจะโรยตัวลงมาปิดที่ระดับ 4.86 บาท บวกไป 0.36 บาท หรือขึ้นไป 8% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 252 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นแค่มูฟเมนต์การเล่นเก็งกำไรหลังจากหุ้นตกเป็นเวลานาน ผนวกกับได้แรงหนุนจากกำไรไตรมาส 1 เป็นแรงผลักดัน ทุกอย่างเลยดูดีไปหมด! แต่อย่าลืมว่า ธุรกิจรับเหมาไม่ได้ดีแบบนี้ทุกไตรมาส จึงต้องเคาะสั้นเพื่อความปลอดภัยนะจ๊ะ

*ตัวอย่างดังกล่าวดูได้จากการโหมโรงใหญ่โตมโหราฬของหุ้น ZIGA แต่สุดท้ายกำไรไตรมาส 1 กลับลดฮวบ 60% แถมราคาคริปโตฯ ก็อยู่ในทิศทางขาลง จึงกลายเป็นตัวเร่งให้ทุกคนสาดหุ้นออกมาอย่างหนัก วานนี้จึงเห็นหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 7.75 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 4.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 168 ล้านบาทอย่างง่ายดาย และมีโอกาสที่จะดำดิ่งลงไปอีก เพราะหมดมุกที่จะเอามาปั่นกระแส..งานนี้บอกได้คำเดียวว่า ดอยเพียบ!..อิอิอิ

*ส่วนม้านอกสายตาที่มาเรื่อย ๆ จนเดี๊ยนต้องหันกลับมามองในทันที คงพุ่งเป้าไปที่ร้านหมอฟันอย่างหุ้น D เพื่อชี้ให้เห็นการทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 5.40 บาท บวกไป 0.46 บาท หรือขึ้นไป 9.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 100 ล้านบาท ถือเป็นการเด้งรับกำไรอย่างยอดเยี่ยม ผสานกับตอนนี้มีเปิดประเทศต้อนรับต่างชาติแบบอ้าซ่า จึงอนุมานได้ว่า ผลงานน่าจะดีขึ้นเป็นลำดับ ราคาก็น่าจะได้ไปต่อเท่านั้นเองค่ะ

Back to top button