กองทุนสาดหุ้น
ในเมื่อเศรษฐกิจของประเทศต้องขับเคลื่อนด้วยธุรกิจท่องเที่ยวเป็นแกนหลัก “โมนิก้า” จึงไม่แปลกใจที่เห็นฝรั่งซื้อหุ้นหนักเป็นช่วง ๆ
*ในเมื่อเศรษฐกิจของประเทศต้องขับเคลื่อนด้วยธุรกิจท่องเที่ยวเป็นแกนหลัก โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศก็เพิ่มทุกวัน “โมนิก้า” จึงไม่แปลกใจที่เห็นฝรั่งซื้อหุ้นหนักเป็นช่วง ๆ หลังเชื่อว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังโตแน่นอน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้หุ้นไทยขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,600 จุดอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง พร้อมกับวาดฝันการทะยานขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,650 จุดได้อีกด้วยนะจ๊ะ
*ประเด็นตรงนี้เป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับตรึกตรองมากเป็นพิเศษว่า มีแนวโน้มที่จะเป็นจริงไหม? และการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,626.23 จุด ลบไป 9.05 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.36 หมื่นล้านบาท คือการส่งสัญญาณพักตัวเพื่อรอจังหวะไปต่อหรือเปล่า? รวมถึงตัวถ่วงที่จะทำให้สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยไม่ไปถึงฝั่งฝันมีอะไรบ้าง? ล้วนเป็นประเด็นที่นักเล่นต้องกลับไปคิดเป็นการบ้านนะจะบอกให้
*เนื่องจากการเคลื่อนตัวของตลาดหุ้นไทยยังผูกติดกับอิทธิพลตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยภายในของประเทศไทยยังไม่แกร่งพอ จึงต้องรับแรงกระแทกจากสถานการณ์ภายนอกเป็นระลอก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องถามกับแฟนคลับเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า 1,620 ขายไหม? หลังปัจจัยพื้นฐานที่ประเมินออกมาเป็นค่าพีอีตลาดอยู่ในระดับ 18.70 เท่า ซึ่งเป็นจุดที่ตึงตัวมากสำหรับการซื้อหุ้นเที่ยวนี้น่ะซี
*ขนาดหุ้นแบงก์ม่วงที่มีโอกาสไปต่อสวย แต่พอเจอตลาดต่างประเทศแดงเถือก ก็ทำให้ราคาหุ้น SCB ไหลลงมากองอยู่ที่ 111 บาท ลบไป 4 บาท หรือลงไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.90 พันล้านบาทอีกครั้ง แต่ยังดีที่มีแรงรับเข้ามาพยุงหุ้นเป็นระยะ สภาพของหุ้นเลยไม่ได้ย่ำแย่มากนัก ผนวกกับหุ้นเพิ่งขยับขึ้นจากฐานได้ไม่นาน จึงมีความเป็นไปได้ที่หุ้นจะไซด์เวย์อีกสักพักนะนายจ๋า!
*คล้ายกับกรณีของหุ้นถ่านหิน BANPU ก็อยู่ในช่วงเคลื่อนตัวบนกรอบ 11-13 บาท ในลักษณะ W-Shape เป็นเวลาร่วม 3 เดือน ทั้งที่ทุกคนมองเป้าด้านบนอยู่ที่ 15 บาทเป็นอย่างต่ำ แต่วันนี้ราคาหุ้นยังยืนอยู่ที่ระดับ 12.10 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.09 พันล้านบาท น่าจะตีความได้ว่า ยังไม่ถึงจังหวะกองทุนลุยสุดตัว ภาพของหุ้นถึงออกอาการแทงกั๊กให้เป็นเป็นประจำไงล่ะคะ
*ส่วนรายที่เริ่มมีแรงซื้อกลับมาอีกครั้ง หลังจากโดนถล่มหนักเป็นแรมเดือน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นถุงมือยาง STGT เพื่อชี้ให้เห็นสถานการณ์ที่คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และหุ้นกลับมาอยู่บนพื้นฐานที่ควรจะเป็นเสียที ซึ่งเมื่อคิดบนสมมติฐานกำไรต่อหุ้นเท่ากันทุกไตรมาส ปีนี้จะมีกำไรต่อหุ้นอยู่ราว ๆ 1.50 บาท ต่อจากนั้นนำมาเทียบบนพีอีตลาดที่ระดับ 19 เท่า ราคาเป้าหมายก็จะอยู่แถว 28.50 บาท ขณะที่วานนี้หุ้นปิดที่ 21.10 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 5.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 673 ล้านบาท จึงมีแก๊ปให้เล่นต่อใช่ไหม?..ลองไปคิดดูนะคะ
*ในเมื่อตลาดเล่นหุ้นบนสตอรี่สวย ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น TH เพื่อให้เข้ากับแรงซื้อที่เข้ามาดันหุ้นรอบใหม่ จนราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 6.35 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 13.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 341 ล้านบาท ล้วนเป็นผลมาจากความคาดหวังปี 65 โตกระหึ่ม จึงมีแรงซื้อจากขาใหญ่เข้ามาดันหุ้นแบบสุดซอย ส่วนเที่ยวนี้จะผ่านยอดเดิมที่บริเวณ 7 บาทได้หรือเปล่า? ก็ต้องติดตามดูกันเอาเองนะจ๊ะ
*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมาดูหุ้น TEAMG เพื่อชี้ให้เล่นอาการโอเว่อร์แอคติ้งมันมีอยู่จริง และหุ้นตัวนี้คือแบบอย่างของหุ้นที่เจ้ามือคอยดูแลแบบใกล้ชิด เดี๊ยนจึงอยากให้ทุกคนคอยดูกันต่อไปว่า โปรเจกต์ที่แมงลือเม้าท์กันนักหนาว่า ทำเงินมหาศาลจะเป็นจริงไหม? หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 10.20 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 12.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 542 ล้านบาท ท่ามกลางพีอี 60 เท่าแล้วน่ะซี
*ในเมื่อต้องเสียเวลาตามดูกันทั้งที ก็ต้องมีของร้อนอย่างหุ้น DITTO รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน เพราะหลังจากใช้เครื่องมือทางการเงินมาปั่นกระแสจนติดลมบน ก็ต้องมาดูความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกันสักหน่อยว่า การขึ้นมาปิดที่ระดับ 63.25 บาท บวกไป 5.50 บาท หรือขึ้นไป 9.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 277 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 140 เท่า คุ้มค่ากับการตามกระแสขนาดไหน? เพราะเดี๊ยนมองไม่ออกเหมือนกันว่า บริษัทจะกำไรมโหฬารได้อย่างไร?..อิอิอิ
*ป.ล.วานนี้คนที่ทำให้หุ้นตกอีกรอบก็เป็นกองทุนนี่เอง! ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พบเห็นได้เป็นประจำในยามที่ตลาดหุ้นผันผวน และเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้กองทุนต้องเน้นเล่นสั้นไว้ก่อนไงล่ะคะ