หุ้นกลาง-เล็ก เริ่มขยับ
ดูจากกราฟ ดูจากตัวหุ้นขนาดใหญ่เมื่อวานนี้ บรรดารายใหญ่ (กองทุน+รายใหญ่) น่าจะลากหุ้นไปปล่อยนั่นแหละ เพื่อลดความเสี่ยง
เมื่อวานนี้ดัชนี SET ผันผวนตลอดวัน
เปิดตลาดมาช่วงเช้า ดัชนีดูสดใส พุ่งขึ้นต่อเนื่อง และไปสูงสุด 14.46 จุด ดัชนีขึ้นมาอยู่ที่ 1,640.69 จุด
ทว่า พอเปิดตลาดภาคบ่าย
ดัชนีกลับรูดลงอย่างรวดเร็ว กราฟเหมือนกับการลงลิฟท์
ทำให้ดัชนีลงมาจุดต่ำสุด 1,624.03 จุด
ต่อจากนั้น ดัชนีดีดกลับขึ้นแดนบวกได้อีกนิดหน่อย แต่พอมาปิดตลาด ลดลง 1.05 จุด มาที่ 1,625.18 จุด แต่ยังดีที่ไม่ได้หลุดแนวรับ 1,620 จุด
ดูจากกราฟ ดูจากตัวหุ้นขนาดใหญ่เมื่อวานนี้
บรรดารายใหญ่ (กองทุน+รายใหญ่) น่าจะลากหุ้นไปปล่อยนั่นแหละ เพื่อลดความเสี่ยง
ในช่วงเช้าน่าจะมีนักลงทุนรายย่อยตามไปเก็บหุ้นช่วงดัชนีถูกลากขึ้นมาบริเวณ 1,640 จุด ค่อนข้างมาก
เมื่อวานนี้ จึงน่าจะเป็นอีกวันที่นักลงทุนรายย่อยพลาด
แต่ก็มีอีกจำนวนมากที่ไม่ตามไป
สังเกตได้จากมูลค่าการซื้อขาย แม้จะขยับขึ้นมาจากวันก่อนบ้าง
แต่กำไรไม่ถือว่ามากนัก หรือประมาณ 68,005 ล้านบาท
นักลงทุนสถาบัน ที่ขายหุ้นออกมา น่าจะปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยง และรอดูข้อมูลจากเฟดเมื่อคืนนี้ก่อน
และอาจจะมองยาวไปถึงตัวเลขเงินเฟ้อ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทยด้วยที่น่าจะมีการประกาศออกมาในช่วงเดือน มิถุนายน 2565
ดัชนีในเดือน พ.ค.จึงน่าจะเกิดการ “ลื่นไถล” เหมือนกับที่มีการบอกกันไว้ก่อนหน้านี้
หุ้นขนาดใหญ่ที่พาดัชนีขึ้นมา จากใต้ 1,600 จุด แล้วมาอยู่เหนือ 1,630 จุด เริ่มที่จะมีอัพไซด์จำกัด
หรืออาจจะขยับขึ้นไปค่อนข้างลำบาก จากแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง
เช่น กลุ่มเปิดเมือง AOT BA CPALL กลุ่มท่องเที่ยว MINT ERW CENTEL
เช่นเดียวกับหุ้นในกลุ่ม SET50 ที่ราคาเริ่มลื่นไถล จากการปรับตัวขึ้นมาสูง INTUCH COM7 ADVANC BBL BANPU
หากเข้าไปดูกราฟหุ้นเหล่านี้ จะเห็นว่า ก่อนหน้านี้ ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง
ทำให้เริ่มมีการขายทำกำไรออกมา
ประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อวานนี้เริ่มเห็นหุ้นแถวสอง หรือตัว “ขนาดกลาง-เล็ก” ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว มีวอลุ่ม ราคากลับมาขยับขึ้น
กลุ่มเจมาร์ทที่นำโดยตัวแม่ JMART JMT SINGER ดีดกลับได้
โดยเฉพาะ JMART ที่ราคาก่อนหน้านี้ปรับตัวลงมาจากแรงขายทำกำไรช่วงตลาดหุ้นปรับฐาน
ทำให้หุ้น พี/อี สูง ถูกขายออกมา ราคาหุ้น JMART ลดระดับจากเหนือ 60 บาท มาอยู่ที่ 50 บาทต้น ๆ
แต่หลังจากราคาร่วงลงมาไม่กี่วัน
JMART ราคาเริ่มขยับอีกครั้ง และวานนี้กลับมายืนเหนือ 58 บาทได้ ปิด 58.50 บาท บวก 2.75 บาท เปลี่ยนแปลง +4.93% ท่ามกลางวอลุ่มแน่นกว่า 762 ล้านบาท
BEM ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากเปิดภาคเรียน
และอาจจะรวมถึงการประมูลสายสีส้มที่จะเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันนับจากนี้
ขณะที่ราคาหุ้นยังแลกการ์ดค่อนข้างมาก
ส่วนกันกุลฯ GUNKUL หลังจากราคาหุ้นลงไปต่ำกว่า 5 บาทอยู่ 2-3 วัน
ล่าสุดดีดกลับขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับข่าวความร่วมมือกับ GULF เพื่อลงทุนและพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน (Joint Venture Agreement) ทั้งในและต่างประเทศ
MTC และ SAWAD ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ถือว่าตอบรับกับปัจจัยลบต่าง ๆ ไปค่อนข้างมากจนเกิดอัพไซด์กว้าง
ทำให้เมื่อวานนี้ เริ่มกลับมาขยับขึ้นเช่นกัน