CPF เนื้อสัตว์สู่เนื้อพืช

น่าสนใจไม่น้อย..!! กรณีเจ้าพ่อไก่และหมู อย่าง CPF ประกาศทุ่มงบก้อนโต 3,000 ล้านบาท ปั้นแบรนด์ “Meat Zero” เพื่อบุกตลาดอาหารแพลนต์เบส


น่าสนใจไม่น้อย..!! กรณีเจ้าพ่อไก่และหมู อย่างบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ประกาศทุ่มงบก้อนโต 3,000 ล้านบาท ปั้นแบรนด์Meat Zero” เพื่อบุกตลาดอาหารแพลนต์เบส หรืออาหารโปรตีนจากพืช…

เอ๊ะ…เท่ากับว่า CPF ซึ่งรากเหง้าทำเนื้อจากสัตว์มาทั้งชีวิตกำลังจะหันมาทำเนื้อจากพืชแล้วหรือเนี่ย…

งานนี้น่าจะทำให้เจ้าเดิมที่อยู่ในตลาดคงรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ไม่น้อยทีเดียว…

เป็นที่รู้กันดีว่า CPF ทำธุรกิจสัตว์เศรษฐกิจ ครอบคลุมตั้งแต่หมู ไก่ เป็ด กุ้ง และปลา เป็นเบอร์ 1 ทั้งไก่และหมูมาหลายทศวรรษ แต่ด้วยเทรนด์อาหารแพลนต์เบสกำลังมาแรง จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพ ลดการกินเนื้อสัตว์และหันมากินอาหารที่มีโปรตีนจากพืชแทน ทำให้ CPF หนีไม่พ้นต้องลงมาเล่นในตลาดนี้กะเค้าด้วย…

ส่วนถ้าถามว่าตลาดแพลนต์เบสน่าสนใจขนาดไหน…พบว่า มูลค่าตลาดแพลนต์เบสโลก ปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 4,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าตลาดจะเติบโต 2 เท่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ขณะที่ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย ประเมินว่าตลาดแพลนต์เบสในประเทศไทยจะมีมูลค่าสูงถึง 45,000 ล้านบาทในปี 2567 เติบโตได้เฉลี่ยถึงปีละ 10% เลยทีเดียว

จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นบริษัทเล็กใหญ่กระโดดเข้ามาร่วมชิงเค้กก้อนนี้…

แค่ไล่ชื่อดูในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีอย่างน้อย ๆ 4-5 บริษัทแล้วล่ะ ไล่มาตั้งแต่ บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ถือเป็นผู้บุกเบิกอาหารแพลนต์เบสของไทยก็ว่าได้ ตามมาด้วยบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เจ้าพ่อปลาทูน่าโลก ที่หันมาปั้นแบรนด์OMG Meat” รวมทั้งบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP  ที่ส่งบริษัทลูกบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI ศึกษาและพัฒนาการผลิตสินค้า plant based meat

นี่ไม่นับรวมบริษัทเล็ก ๆ ที่อยู่นอกตลาดอีกนะ…ต่อไปคงได้เห็นตลาดนี้แข่งกันดุเดือดเลือดพล่านแหง ๆ…

กลับมาที่ CPF แม้จะมาช้ากว่าคนอื่น ๆ ไปนิด…แต่จากความพร้อมทั้งในเรื่องเงินทุน โนว์ฮาว และเครือข่ายที่มีอยู่ทั่วโลก ก็น่าจะทำให้ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก…

โดยปัจจุบันแบรนด์ Meat Zero ได้วางจำหน่ายแล้วทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ และฮ่องกง และมีแผนจะรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น ทั้งเกาหลี, ญี่ปุ่น, ยุโรป และ อเมริกา ส่วนในเยอรมันและจีน อยู่ในช่วงกำลังศึกษา

ขณะที่ CPF ตั้งเป้าจะสร้างยอดขายจากแบรนด์ Meat Zero ไว้ที่ 6,000 ล้านบาท ในช่วง 3 ปีจากนี้ (2565-2567) จากปี 2564 ที่มียอดขายจากแบรนด์ Meat Zero ที่ประมาณ 200-250 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายที่ต้องพุ่งชน คือ การขึ้นเป็นแบรนด์อันดับ 1 ของผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืชในภูมิภาคเอเชีย และก้าวเป็น Top 3 ของตลาดโลกภายใน 3 ปีข้างหน้า หรือในปี 2567

ส่วนประเด็นที่ว่า CPF เนื้อจากสัตว์มาสู่เนื้อจากพืช จะย้อนแย้งกับธุรกิจเดิมหรือเปล่านั้น..? ถ้าดูจากฐานกลุ่มลูกค้า ก็ชัดเจนว่าเป็นคนละกลุ่มกันนะ อย่างกลุ่มที่บริโภคเนื้อจากพืช หลัก ๆ จะเป็นกลุ่ม Vegan และ Flexitarian กินมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น ก็ไม่น่าจะไปเบียดบังลูกค้ากลุ่มเดิม…

แต่จะทำให้ CPF มีลูกค้าที่ครอบคลุมและหลากหลายมากขึ้น สมกับนิยาม “ครัวของโลก” ที่ต้องมีครบครันทุกอย่าง..!!

ก็น่าสนใจเนื้อจากพืชจะสร้างแวลูให้กับ CPF ได้มากน้อยแค่ไหน..?

เอาน่า อย่างน้อย ๆ คงมาช่วยพยุงในช่วงที่ราคาไก่-หมูตกได้ หรือถ้าราคาไก่-หมูดีอยู่แล้ว ก็จะยิ่งส่งเสริมให้ดีมากขึ้นไปอีกอ่ะนะ…

แต่พอมองอีกมุม นี่ก็ไม่ต่างจากกลุ่มซีพีกะกินรวบทุกตลาดน่ะสิ…

แหม๊…จะไม่แบ่งให้คนอื่นเค้าทำมาหากินบ้างเลยเหรอเนี่ย…ใจร้ายจัง..!!

…อิ อิ อิ…

Back to top button