เป๋าแบน

ก่อนอื่น “โมนิก้า” ขอถอนหายใจ “เฮ้อ” ซึ่งอยู่ในกลุ่มคนหาเช้า-กินค่ำ เช่นกัน หลังนับถอยหลังสู่ยุคข้าวยากหมากแพง


*ก่อนอื่น “โมนิก้า” ขอถอนหายใจ “เฮ้อ” ซึ่งอยู่ในกลุ่มคนหาเช้า-กินค่ำ เช่นกัน หลังนับถอยหลังสู่ยุคข้าวยากหมากแพง เพราะว่านับตั้งแต่ 1 มิ.ย. 65 มีสินค้าอุปโภคและบริโภคจะขึ้นราคาตามต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น นำโดยครีมเทียมขึ้น 2-5 บาท กาแฟสำเร็จรูปขึ้น 4-5 บาท กาแฟกระป๋องขึ้น 2 บาท สบู่และครีมอาบน้ำขึ้น 10% ปลากระป๋องขึ้น 4 บาท นมถั่วเหลืองขวดขึ้น 3 บาท และน้ำจิ้มไก่ขึ้น 10% ทุกอย่างทยอยขึ้นเดี๊ยนเห็นแล้วเหนี่อยใจจังค่ะ

*รวมถึงสินค้าปากท้องที่ปชช.อย่างข้าว  เพราะข้าวหอมมะลิแท้บรรจุถุงน้ำหนักขนาด 5 กิโลกรัม ขึ้นราคาขายปลีกทุกยี่ห้ออีก 5-10% ต่อถุง มิหนำซ้ำ วัยโจ๋-วัยเด็กต้องมีเคืองด้วยน้ำอัดลมยี่ห้อเป๊ปซี่ขึ้นอีก 1-2 บาทต่อขวด และยังมีสัญญาณไปยังเดือน ก.ค. 65 ว่าน้ำยาซักผ้าขาว และน้ำผลไม้จะปรับตัวขึ้นด้วย งานนี้ “โมนิก้า” ดูแล้วไม่จบแค่นี้จะค่อย ๆ เห็นราคาสินค้าอื่น ๆ ปรับตัวราคาขึ้นตามอย่างแน่นอน “แพงทั้งแผ่นดิน” เหตุสินค้าราคาปรับขึ้นตามต้นทุนการผลิตจริง หลังน้ำมันดีเซลและค่าขนส่งปรับสูงขึ้นพะเจ้าค่ะ

*ตอกย้ำต่อว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่สินค้าแพงอย่างเดียวนะจ๊ะ แต่ “โมนิก้า” ขอเตือนว่าคงต้องจับตาว่าวัตถุดิบจะขาดแคลนด้วยหรือไม่ หลัง 30 ประเทศทั่วโลกจำกัดการส่งออกอาหาร พลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้หลายประเทศหันมาซื้อวัตถุดิบจากไทยมากขึ้น และอาจทำให้ขาดแคลนได้ พร้อมส่งผลยังบริษัทจดทะเบียน (บจ.) โดยข้อดีทำให้ยอดขายมากขึ้น ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นช่วยหนุนรายได้ แต่ข้อเสียกับถูกกดด้วยต้นทุนที่สูงขึ้นโดยเฉพาะราคาน้ำมันและค่าขนส่งเจ้าค่ะ

*มิหนำซ้ำมีข่าวว่าผู้นำกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) สั่งระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 โดยมีเป้าหมายเพื่อตัดแหล่งการเงินขนาดใหญ่ที่รัสเซียใช้เป็นเครื่องมือในการทำสงคราม “โมนิก้า” ดูแล้วตลาดหุ้นก็ต้องเกาะติดกับประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเช่นกัน เพราะมีผล Sentiment ทั้งบวก-ลบ จนล่าสุดดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดอยู่ที่ระดับ 1,663.41 จุด บวกไป 9.80 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.73 หมื่นล้านบาท เป็นลักษณะค่อย ๆไต่ถังขึ้นเจ้าค่ะ

*เม้าท์มอยเรื่องปากท้องแล้ว มาดูเรื่องหุ้นอย่าง THG ราคาหุ้นกลับมาติดลมบนรอบใหม่อีกครั้ง ล่าสุดขึ้นไปปิดที่ระดับ 75.00 บาท บวกไป 7 บาท หรือขึ้นไป 10.29% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.46 พันล้านบาท “โมนิก้า” คงชี้เป้าตามนักวิเคราะห์ว่าหุ้นขึ้นด้วยประเด็นจะเข้าซื้อกิจการ (M&A) ใหม่ คาดแล้วเสร็จในไตรมาส 2/65 ซึ่งเพิ่มอัพไซด์ให้รายได้อีก 20% อีกทั้งยังตั้งเป้า M&A อีก 5-10 ดีลในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างการเติบโตให้กับผลการดำเนินงานอนาคตได้อีกเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับรายของ PSL เด้งกลับอีกครั้ง ราคาแล่นชิวขึ้นไปปิดที่ระดับ 19.80 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 6.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 529 ล้านบาท แรงพักดันใหม่ “โมนิก้า” คาดนักลงทุนน่าจะเข้าเก็งกำไรก่อนจีนคลายล็อกดาวน์ประเทศในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ซึ่งเมื่อมีการเปิดประเทศก็น่าจะส่งผลต่อดีมานด์สินแร่ เหล็ก ส่งผลบวกต่อเรือเทกอง พ่วงด้วยข่าวดีบริษัทเพิ่มกองกำลังเรืออีก 2 ลำ งานนี้กอบโกยงานขนส่งเต็มมือแน่เจ้าค่ะ

*เหมือนกับ VGI เริ่มเห็นไฟระยิบระยับ เพราะโมนิก้า คิดว่าการผ่อนคลายมาตรการทำให้การเดินทางด้วยบีทีเอสเพิ่มขึ้น งานนี้ส่งผลบวกต่อการใช้งบโฆษณาและอัตราการขายที่ดีขึ้นเป็น 50-55% ส่วนแฟนสลิ้งค์จะรับรู้เต็มปีจากปี 65 รับรู้ 8 เดือน และธุรกิจดิจิทัลดีขึ้นจากการขายประกันภัยและธุรกิจบริการสินเชื่อดิจิทัล ไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นขยับขึ้นมาปิดที่ระดับ5.35 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 3.88% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 299 ล้านบาท ซึ่งเดี๊ยนมองว่ามีโอกาสทดสอบเป้า 5.90 บาทพะเจ้าค่ะ

*ปิดท้ายกันที่หุ้น CPH มาเหนือเมฆ วานนี้ราคาซิลลิ่งขึ้นไปปิดที่ระดับ 64.25 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 1.98% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.09 พันล้านบาท ทั้งที่ “โมนิก้า” ดูแล้วว่าไม่มีประเด็นใหม่อะไรเลย แค่ส่วนของผลประกอบการไตรมาส 1/65 ที่พลิกกำไร 48 ลบ. เท่านั้น รวมถึงส่วนของ P/E ต่ำเพียง  7.65 เท่า อย่างอื่นก็ไม่เห็นว่าเลิศ ดังนั้นเดี๊ยนขอเตือนไว้ก่อนว่าหากนักลงทุนใจไม่ถึงจริงไม่ควรเข้าไปอยู่ในเกม เพราะอาจค้างดอยได้เจ้าค่ะ

Back to top button