KTB ถูกหวยรัฐบาล

แม้รายได้จากแพลตฟอร์มอาจไม่มากนัก ถ้าเทียบกับพอร์ตรายได้รวมของ KTB แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวที่จะมาหนุนการเติบโตในอนาคต


ช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นโครงสร้างรายได้ของแบงก์สีฟ้า ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปลี๊ยนไป๋…นอกเหนือจากรายได้ดอกเบี้ย ซึ่งเป็นรายได้หลักแล้ว จะเห็นว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ…

โดยเฉพาะรายได้ที่ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งจากแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 13 ล้านราย เป็นฐานลูกค้าหลักของแบงก์ และที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ อย่างแอปพลิเคชันเป๋าตัง และแอปพลิเคชันถุงเงิน ในฐานะเป็นแบงก์ของรัฐ..!!

แหม๊…เป็นแบงก์รัฐก็ดีอย่างนี้อะนะ…

แต่ไฮไลท์อยู่ที่แอปฯ เป๋าตังกับแอปฯ ถุงเงิน นี่แหละ ที่เป็นเสมือนเครื่องไม้เครื่องมือในการสนองนโยบายภาครัฐ..!!

ดูได้จากยอดการใช้งานของทั้ง 2 แอปฯ อย่างแอปฯ เป๋าตัง มีสถิติยอดคนใช้สูงสุดทะลุ 32.8 ล้านราย (จากโครงการเราชนะ) ส่วนแอปฯ ถุงเงิน เคยทำสถิติยอดคนใช้สูงสุดเกิน 40 ล้านคน เนื่องจากเป็นแอปฯ ที่รองรับบัตรคนจนด้วย ขณะที่กลุ่มลูกค้าก็หลากหลาย จากฐานราก (บัตรคนจน) ไปสู่คนชั้นกลางและสูง (โครงการคนละครึ่ง, ยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็นต้น)

แน่นอนว่า KTB ในฐานะผู้พัฒนาและรับผิดชอบทั้ง 2 แอปฯ ก็ถูกมองว่าจะมีช่องทางในการหารายได้มากขึ้น…

หลังจากก่อนหน้านี้ KTB เริ่มหารายได้ค่าธรรมเนียมจากแอปฯ เป๋าตัง ได้บ้างแล้ว ทั้งจากการขายหุ้นกู้ ปล่อยเงินกู้แบบ Digital loan ขายประกัน และกองทุน

แต่ที่มาตอกย้ำให้ชัดเจน ก็กรณีราชกิจจานุเบกษา ประกาศให้แอปฯ เป๋าตัง และแอปฯ ถุงเงิน เป็นช่องทางในการซื้อ-ขายสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือสลากดิจิทัล มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. 2565 เป็นต้นไป หลังจากชิมลางทำมาบ้างแล้ว แต่ไม่แพร่หลายมากนัก

โดยเนื้อหาระบุว่า ผู้ซื้อสามารถซื้อสลากโดยใช้แอปฯ เป๋าตัง ส่วนผู้ขายสามารถตรวจสอบการขายโดยใช้แอปฯ ถุงเงิน ซึ่งจะเปิดให้ซื้อขายสลากดิจิทัลบนแพลตฟอร์มในแต่ละงวดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. เฉพาะวันออกรางวัลจะเปิดให้ซื้อขายตั้งแต่เวลา 06.00-14.00 น. โดยผู้ซื้อสลากจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี…

เป็นการตอกย้ำว่า แอปฯ เป๋าตัง และแอปฯ ถุงเงิน จะมาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มในรูปแบบของรายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้อื่น ๆ ให้กับ KTB มากขึ้น

อย่าลืมว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลมี 2 ครั้งต่อเดือน แล้วการทำให้ซื้อง่ายขายคล่อง ในราคาที่ 80 บาท ถ้าสามารถขยายได้ในวงกว้าง ก็จะยิ่งดึงดูดให้คนมาใช้บริการกันมากขึ้น เพราะคนไทยกับหวย…อุ๊ย สลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นของคู่กันอยู่แล้ว…หรือใครจะเถียง…

นั่นหมายถึง ค่าธรรมเนียมและรายได้อื่น ๆ ก็จะมากขึ้นด้วย

ส่วนถ้าจะวัดว่า คนไทยชื่นชอบการเสี่ยงโชค หรือซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลมากน้อยแค่ไหน…ดูได้จากรายได้ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ครองแชมป์ส่งรายได้เข้ารัฐสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งมาตลอด โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2565 นำส่งรายได้สูงถึง 23,644 ล้านบาทเลยทีเดียว

กองสลากฯ เป๋าตุงนะเนี่ย…

โอเค…แม้รายได้จากแพลตฟอร์มอาจไม่มากนัก ถ้าเทียบกับพอร์ตรายได้รวมของ KTB แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวที่จะมาหนุนการเติบโตในอนาคต

นี่จึงไม่ต่างจาก KTB ถูกหวยรัฐบาลไปแล้ว…

ส่วนใครจะถูกรางวัลที่ 1 รางวัลที่ 2 หรือรางวัลที่ 3 ก็แล้วแต่…แต่ที่แน่ ๆ KTB โชคดีถูกหวยทุกงวดนะจ๊ะ..!!

…อิ อิ อิ…

Back to top button