เฟดเอฟเฟกต์
ปัจจัยเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด วนเวียนกลับมาสร้างความกังวลให้ตลาดหุ้นรอบใหม่ หลังสมาชิกเฟดรายหนึ่งออกมาสนับสนุนให้ยังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง
*ปัจจัยเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด วนเวียนกลับมาสร้างความกังวลให้ตลาดหุ้นรอบใหม่ หลังมีสมาชิกเฟดรายหนึ่งออกมาสนับสนุนให้ยังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง 0.50% ต่อครั้ง จนกว่าจะสามารถกดเงินเฟ้อได้ สอดคล้องกับแรงกดดันจากการปรับขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อยูโรโซนเร่งตัวไปที่ 8.1% มากกว่าคาดไว้ 7.7% ทำจุดสูงสุด งานนี้ทำให้ “โมนิก้า” กลับมาทบทวนต่อการลงทุนอีกครั้งว่าจะมีโอกาสทำให้ดัชนีพักฐานหรือไม่เจ้าค่ะ
*ทั้งที่เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้น เห็นได้ชัดจากเดือน เม.ย. 65 ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นจากภาคการบริโภค การลงทุน การท่องเที่ยว เป็นปัจจัยบวกชัดเจน และระยะสั้นคาดยังมีปัจจัยหนุนจากกลุ่มพลังงานที่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะหลังจากการที่ (อียู) แบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย อย่างไรก็ดีควรติดตามการประชุมโอเปกพลัสในวันที่ 2 มิ.ย. นี้ ว่าจะมีการพิจารณาปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของสมาชิกในกลุ่มชดเชยรัสเซียหรือไม่เจ้าค่ะ
*ผลดังกล่าวข้างต้นมีทั้งข่าวบวก-ลบ ปะปนกันอย่างน่าติดตาม “โมนิก้า” จึงวิเคราะห์เบื้องต้นว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังเคลื่อนไหวไซด์เวย์ในกรอบแคบ เช่นเดียวกับวานนี้แกว่งตัวไซด์เวย์ระหว่างวัน จนสุดท้าลงไปปิดที่ระดับ 1,660.01 จุด ลบไป 3.40 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.05 หมื่นล้านบาท จึงอนุมานได้ทันทีว่า นักเล่นเริ่มกลับมากังวลกับอิทธิพลของเฟดเอฟเฟกต์อีกระลอก แต่เดี๊ยนเห็นผู้เล่นยังคงไล่เก็บหุ้นรายตัวที่มีกระแสข่าวหนุนเข้ามาประคองตลาดเจ้าค่ะ
*เช่นกรณีของราย BDMS ก็ถือเป็นอีกหนึ่งหุ้นปลอดภัยยามตลาดผันผวน และความเสี่ยงต่ำ ที่สำคัญรับผลบวกจากการเปิดประเทศหลังโควิดคลี่คลาย หนุนคนไข้ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติใช้บริการมากขึ้น อีกทั้งยังมีแรงหนุนของการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย จุดแข็งที่มีอยู่จึงทำให้การไล่ล่าราคาขึ้นยืนที่ระดับ 26.25 บาท บวกไป 0.50บาท หรือขึ้นไป 1.94% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.30 พันล้านบาท “โมนิก้า” การันตีว่ามันบ่งบอกว่าควรซื้อติดพอร์ตไว้ได้เจ้าค่ะ
*เหมือนกับ TACC โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่าไตรมาส 2 ทำนิวไฮต่อเนื่อง ปักธงยอดขายพุ่งหลังเปิดประเทศ และการกลับมาเปิดเรียน พร้อมยังมีสต๊อกวัตถุและบรรจุภัณฑ์ยาว 3-6 เดือน ส่วนการเติบโตระยะยาวหนีไม่พ้นขยายลูกค้า Non 7-11 ร้าน Café ตู้กดกาแฟ และขยายสินค้าใหม่สู่เมนู Coffee มากขึ้น “โมนิก้า” ถึงมองว่าการยืนปิดที่ระดับ 7.35 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 1.38% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 48.48 ล้านบาท น่าจะเป็นใบเบิกทางสำหรับการไปต่อสวย ๆ หวังว่าเดี๊ยนคิดถูกนะเจ้าคะ
*ส่วนในรายของหุ้นสายเกมอย่าง YGG วานนี้ดีดตัวขึ้นแรงก่อนมาปิดที่ระดับ 10.40 บาท บวก 0.40 บาท หรือขึ้นไป4% มูลค่าการซื้อขาย 80 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นการซื้อเก็งกำไร ประเด็นหลักหนีไม่พ้นจากความหวังผลประกอบการไตรมาส 2 ว่าออกมาดีตามนักวิเคราะห์คาด หลังกระแสตอบรับตัวอัพเกรด Home Sweet Home Survive คึกคัก ทำให้เป้ารายได้ปีนี้โต 20% ดูจะไม่ไกลเกินเอื้อมเท่าไหร่นะเจ้าคะ
*เช่นเดียวกับ PRINC ราคาโฉบเฉี่ยวจนทะยานขึ้นไปทำนิวไฮในรอบ 4 ปี ส่งผลให้ราคายืนที่ระดับ 6.40 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 0.79% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 219 ล้านบาท หรือนี้จะเป็นการตอกย้ำถึงความมั่นอกมั่นใจต่อพื้นฐาน ดังที่ “โมนิก้า” เหลือบไปเห็นผลงานไตรมาส 1/65 โกยกำไรไปกว่า 400 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน บวกกับแผนปีนี้วางเป้ารายได้โต 25% และพร้อมลุยขยายรพ.ใหม่แตะ 20 แห่ง ภายในปี 67 จึงทำให้เคาะขวารัว ๆ เจ้าค่ะ
*ปิดท้ายด้วยหุ้นน้ำผลไม้อย่าง PLUS วิ่งแรงแซงทางโค้ง ราคาหุ้นขึ้นไปปิดที่ระดับ 6.35 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 7.63% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 592 ล้านบาท “โมนิก้า” มองว่ายังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน หลังเข้าเทรดตลาดรอง ผ่านไปเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 65 หมาด ๆ อาจเป็นเพราะทิศทางการเติบโตปัง ด้วยตัวพี่เธอมีฐานลูกค้าหลากหลายประเทศเน้นส่งออกทำยอดตีตลาดนอกชูโรงมะพร้าวของขึ้นชื่อบ้านเกิด ล่าสุดเปิดตัวสินค้าใหม่ “Plant-Based” เอาใจขาโจ๋รักสุขภาพปั๊มยอดขายหนุนผลงานโตต่อเจ้าค่ะ