แบงก์ไปต่อลำบาก
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ในช่วงไซด์เวย์อัพอย่างเห็นได้ชัด
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ในช่วงไซด์เวย์อัพอย่างเห็นได้ชัด แต่ทันทีที่วิ่งทะลุแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยา 1,650 จุด กลับมีแรงเทขายออกมาเป็นระลอก จนทำให้ช่วง 3 วันที่ผ่านมาดัชนีย่อตัวลงมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 1,646.08 จุด ลบไป 1.59 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.83 หมื่นล้านบาท เลยทำให้รู้ว่า ตลาดหุ้นเข้าสู่โหมดหาฐานเพื่อขึ้นไปทดสอบยอดบนที่สูงขึ้นกว่าเดิมนะจ๊ะ
*ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมเริ่มกระเตื้องขึ้นเป็นลำดับ จึงเป็นจังหวะของการเข้ามาเล่นรอบเพื่อรอดูผลงานจริงออกมาสวยขนาดไหน! ต่อจากนั้นจะกระโดดขึ้นไปหาเป้าบนอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นไทม์ไลน์ที่นักเล่นสถาบันวางไว้คร่าว ๆ “โมนิก้า” ถึงต้องออกมาสำทับกับแฟนคลับขาประจำว่า เชื่อเรื่องที่เล่าให้ฟังแค่ไหน? และเรื่องนี้เป็นประโยชน์แค่ไหน? ไงล่ะตัวเอง
*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” อยากเม้าท์ถึงหุ้นแบงก์ขึ้นมาทันที เพราะในแวดวงเศรษฐกิจพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การปล่อยสินเชื่อใหม่ได้กลายเป็นเรื่องยากไปเสียแล้ว! เพราะวงเงินของผู้กู้ส่วนใหญ่ของระบบธนาคารเต็มวงกันทั้งนั้น แถมเมื่อดูจากจำนวนหนี้เสียที่เกิดจาก Gen Y (คนหนุ่มสาวที่เริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 21-37 ปี) มีสูงถึงระดับ 3 แสนล้าน รองลงมาเป็นกลุ่ม Gen X (คนที่มีอายุ 38-53 ปี) มีหนี้เสียอยู่ในระดับ 2.60 แสนล้านนะจะบอกให้
*ข้อมูลข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” คิดดีไม่ได้เลยจริง ๆ เพราะตัวเลขที่แสดงออกมามันค้ำคอหอย ขืนพูดอะไรที่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงที่แสดงให้เห็น อาจทำให้แฟนคลับเสียรู้นักเล่นกลุ่มสถาบัน เดี๊ยนถึงพยายามเปิดข้อมูลในหลายมิติ เพื่อทำให้นักเล่นเห็นอาการที่อึด ทึดทือ มันน่าจะมีอะไรบางอย่างที่เป็นตัวฉุดรั้ง และสถานการณ์ดังกล่าวจึงทำให้แบงก์หันมาลุยเรื่อง “รีไฟแนนซ์” กับ “บริหารหนี้” แบบสุดซอยพะยะค่ะ
*ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายสุดในกรณีนี้คือ KBANK เพราะได้รับเสียงเชียร์จากโบรกเกอร์เยอะแยะไปหมด แต่เอาเข้าจริงกลับเป็นเพียงปรากฎการณ์ดาวร่วงเสียอย่างนั้น “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 145.50 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 0.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.35 พันล้านบาท ทั้งที่กลางเดือน ก.พ. ยังยืนอยู่ที่ระดับ 170 บาท มันหมายถึงความกังวลบางอย่างยังหลอกหลอนอยู่ใช่ไหมเอ่ย?
*ส่วนแบงก์ตราดอกบัว BBL อาจลอยตัวกว่าแบงก์ก่อนหน้า เพราะหากินกับบริษัทใหญ่เป็นหลัก จึงโดนเอฟเฟกต์จากสินเชื่อรายย่อยไม่มาก และกลายเป็นหุ้นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะกลางไปโดยปริยาย ผนวกกับสตอรี่ของแบงก์ก็ไม่หวือหวา ราคาหุ้นถึงยืนนิ่งเป็นเวลานาน และการลงมายืนปิดที่ระดับ 128.50 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 806 ล้านบาท จึงมีดาวไซด์ต่ำนะพ่อคุณ!
*เม้าท์ถึงแบงก์ที่เรื่อย ๆ เปื่อย ๆ ไม่ค่อยมีสตอรี่ที่เป็นกระแส “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น BAY เพื่อชี้ให้เห็นการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นไม่มีอะไรน่าจดจำสักอย่าง ผนวกกับวอลุ่มเทรดในแต่ละวันก็แห้งเหือดเสียเหลือเกิน เดี๊ยนจึงไม่แปลกใจที่ไม่มีใครมีเรื่องราวของหุ้นรายนี้ และการที่หุ้นยืนปิดในระดับ 33 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.57 ล้านบาท ถึงเปลืองลูกตาที่จะชำเลืองมองนะจ๊ะ
*ส่วนรายที่สตอรี่สวย และรอแค่วันโกบิ๊ก คงไม่มีใครเกินหน้าไปกว่าแบงก์ตราใบโพธิ์ (ตอนนี้กลายร่างเป็นยานแม่) SCB เดี๊ยนถึงเชื่อว่า หุ้นตัวนี้มีอะไรน่าสนใจหลายอย่าง ผนวกกับหุ้นย่ำฐานบริเวณ 110 บาทเป็นเวลานาน “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 110 บาท ลบไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 816 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 9 เท่า จึงน่าช้อนสุด ๆ เจ้าค่ะ
*สำหรับรายที่เด่นสุดในกลุ่มแบงก์ “โมนิก้า” คงเทใจให้กับแบงก์สีฟ้า KTB ซึ่งหันมาเอาดีทางหวยแบบเต็มตัว และความดีความชอบทั้งหมดต้องยกให้กับ “บิ๊กป้อม” เพราะนั่งเป็นประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนดิจิทัล และผลบุญดังกล่าวก็หล่นใส่แบงก์ฟ้าแบบเต็มตีน วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 15.70 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 4.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.26 พันล้านบาท และผงาดขึ้นมาเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของมังกรฟ้าโดยตรงแบบนี้..บอกได้คำเดียวว่า มันพะยะค่ะ เพราะคนในวงการเขารู้ดีว่า ค่ายมังกรรับแทงไม่อั้นไงล่ะคะ