หุ้นตัวจี๊ด

ตลาดหุ้นทั่วโลกตกอยู่ในสภาพแกว่งตัวหาฐานแนวรับที่มั่นคง เพื่อรอโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านด้านบนอีกครั้ง


*ในเมื่อตลาดหุ้นทั่วโลกตกอยู่ในสภาพแกว่งตัวหาฐานแนวรับที่มั่นคง เพื่อรอโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านด้านบนอีกครั้ง “โมนิก้า” จึงขอใช้จังหวะนี้เม้าท์ถึงประเด็นปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นตัวฉุดรั้งหุ้นไทยสักหน่อย เพราะเรื่องดังกล่าวกลายเป็นเหตุผลที่ใช้สำหรับทิ้งหุ้น และทำให้บรรยากาศการลงทุนถึงดูมืดมนขึ้นมาทันที หลังปัจจัยบวกใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาสร้างความเชื่อมั่นแทบหาไม่เจอเลยน่ะซี

*ส่วนที่แย่ไปกว่านั้นคือ ปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินระดับ 7% ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันแพงขึ้นทุกวัน จนทำให้ข้าวของแพงตามไปด้วยทุกอย่าง ล้วนเป็นตัวแปรที่ทำให้เศรษฐกิจไทยชะงักขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนำมารวมกับปัญหาหนี้เสียที่พอกพูนเป็นทวีคูณ ย่อมทำให้ทุกอย่างเละเทะมากขึ้นกว่าเดิม “โมนิก้า” ถึงมองว่า ผลงานไตรมาส 2 จะกลายเป็นตัวชี้วัดอย่างเป็นทางการว่า ตลาดหุ้นไทยควรจะได้ไปต่อไหม?

*ฉะนั้นการที่ดัชนีทรุดตัวลงมาปิด 1,631.92 จุด ลบไป 14.16 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.27 หมื่นล้านบาท ยังเป็นวังวนเดิมที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี ยิ่งมองลักษณะการเคลื่อนตัวเป็นแบบ M-Shape และ W-Shape ก็จะเป็นการสะท้อนภาพเรื่องราวที่เล่าให้ฟังได้เป็นอย่างดี และทำให้โมเมนตัมของการเล่นหุ้นเที่ยวนี้เบี่ยงไปหาหุ้นเล็กแทนหุ้นใหญ่ เดี๊ยนเลยขอเม้าท์ถึงหุ้นตัวจี๊ดที่เรียกคะแนนนิยมแบบจัดเต็มกันไปเลยจ้า!

*รายแรกที่เรียกเสียงกรี๊ดได้แบบจัดเต็ม “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น SOLAR ภายใต้คนเบื้องหลังที่คอยซับพอร์ตอย่าง เฮีย.ม ก็รับอานิสงส์เต็ม ๆ จากการที่อเมริกาไฟเขียวให้นำเข้าแผงโซลาร์จากประเทศไทย วานนี้ราคาหุ้นถึงพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.36 บาท บวกไป 0.24 บาท หรือขึ้นไป 21.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 842 ล้านบาทอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องสืบค้นเรื่องจริงจะออกมาดีเหมือนที่หวังหรือเปล่าแบบนี้..เสียวดีพะยะค่ะ

*ส่วนรายที่มาเหนือเมฆต้องยกให้ CPH แบบไม่มีข้อกังขา เพราะทันทีที่ผลงานไตรมาส 1 ปั้นกำไรต่อหุ้นพุ่งขึ้นไปถึงระดับ 1.19 บาท แรงซื้อก็ไหลกลับเข้ามาเป็นจำนวนมาก จนดันราคาหุ้นที่เคยต่ำเตี้ยเรี่ยดินแถว 3.70 บาท ขึ้นมาเรื่อย ๆ จนวานนี้เห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 32 บาท บวกไป 7.30 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 895 ล้านบาท กลายเป็นช็อตที่ทำให้แมงลือเม้าท์กันให้แซ่ดว่า เผลอ ๆ อาจได้เห็น 40 บาท (จริงหรือไม่ ต้องดูกันเอาเอง) นะจะบอกให้

*คล้ายกับกรณีของหุ้นฟอกหนังตัวแรงของปีอย่าง CPL ก็ทำผลงานได้ดีเหมือนกัน แถมยังมีลูกค้าแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง อดิดาส ทิมเบอร์แลนด์ มาร์คแอนด์สเปนเซอร์ และพูม่า ป้อนออร์เดอร์ให้เป็นประจำ “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นพุ่งแรงต่อเนื่อง จนวานนี้ขึ้นมาปิดที่ระดับ 3.50 บาท บวกไป 0.46 บาท หรือขึ้นไป 15.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 357 ล้านบาท เพราะนักเล่นยังเชื่อว่า ไตรมาส 2 ยังโตอีก (อันนี้เล่นบนความเชื่อล้วน ๆ) น่ะซี

*ประเด็นดังกล่าวเชื่อมโยงถึงหุ้นลวดเหล็กแรงดึงสูง TWP แบบเต็มข้ออีกเช่นกัน ทั้งที่เห็นกันอยู่แล้วว่า ผลงานไตรมาส 1 พลาดเป้าไปมโหราฬ พอถึงปลายไตรมาส 2 ก็กลับมาไล่หุ้นอย่างคึกคัก จนดูเหมือนผลงานงวดนี้จะออกมาดีสุด ๆ วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.60 บาท บวกไป 0.58 บาท หรือขึ้นไป 14.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 273 ล้านบาทแบบนี้ เดี๊ยนเลยสงสัยว่า อาจเป็นรายการลากไปเชือดเสียมากกว่านะคะ

*อีกรายที่ชวนให้ฉงนใจมากเหลือเกิน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น RPC แบบไม่ลังเลใจ เพราะดูจากผลงานที่ออกทะเลไปเยอะ จนมองไม่เห็นหนทางที่จะปั้นกำไรแจ่ม ๆ แถมมาเจอปัญหาราคาน้ำมันแพง และปัญหาเงินเฟ้อซ้ำเติมเข้าไปอีกดอก เดี๊ยนจึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 1.35 บาท บวกไป 0.13 บาท หรือขึ้นไป 10.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 100 ล้านบาท เหมาะต่อการวัดดวงขนาดไหน?..ลองถามใจเธอดูนะจ๊ะ

*ส่วนรายที่เหมาะต่อการลงทุนในความคิดของ “โมนิก้า” คงมองไปที่ม้ามืดอย่างหุ้น TMI เป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ เพราะเมื่อดูจากโรงไฟฟ้าไบโอแก๊สที่จะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาต่อเนื่อง มันคือภาพของการบิ๊กเชนจ์อย่างแท้จริง ผนวกกับวอลุ่มเทรดมาแบบจัดเต็ม จนราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.53 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 119 ล้านบาท จึงเชื่อว่าจะเล่นกันอีกพักหนึ่งเจ้าค่ะ

Back to top button