พาราสาวะถี
เป็นธรรมดาที่จะสร้างความหงุดหงิดให้กับพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. จนถึงขั้นปรี๊ดแตกกลางวงประชุมวอร์รูมของพรรคสืบทอดอำนาจ
เป็นธรรมดาที่จะสร้างความหงุดหงิดให้กับพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. จนถึงขั้นปรี๊ดแตกกลางวงประชุมวอร์รูมของพรรคสืบทอดอำนาจ ต่อข่าวที่ระบุว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะสมัครเป็นสมาชิกพรรค และขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคด้วยตัวเอง แม้จะยืนยันกลางวอร์รูม “อยู่ด้วยกัน รักกัน ไม่ได้มีอะไร มาเสี้ยมให้แตกทำไม ไม่มีทางเสี้ยมให้แตกกันได้ เพราะผมอยู่ด้วยกันมานานตั้งแต่นายกฯ เป็นร้อยตรี” แต่นั่นไม่ใช่การการันตีว่าระยะหลังมานี้พี่ใหญ่กับน้องเล็กไม่ได้แตกคอกัน
รู้กันดีอยู่ว่ามิติทางการเมืองที่พลิกคว่ำพลิกหงายอยู่ตลอดเวลานั้น พี่ใหญ่ในฐานะผู้กุมชะตากรรมของนักเลือกตั้งที่มาร่วมหัวจมท้ายหลายสิบชีวิต จะต้องมองทิศทางของการก้าวไปในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า จริงอยู่ที่สายสัมพันธ์กับน้องเล็กอาจไม่ถึงขั้นขาดสะบั้น แต่ในทางการเมืองต้องยอมรับความจริงกันว่าชื่อของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขายได้ยากในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่เพียงแต่พรรคสืบทอดอำนาจ พรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ ยังต้องหาคำตอบไว้รอในอนาคตที่ต้องถูกถามว่า สนับสนุนผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอีกหรือไม่
พรรคของ อนุทิน ชาญวีรกูล ติ๊ดชึ่งเก่งอยู่แล้ว ไม่ซ้ายไม่ขวา แต่สำหรับพรรคเก่าแก่ไม่ใช่จะต้องมีวิสัชนาที่ชัดเจนว่าจะยืนตรงไหน เพราะหนที่ผ่านมาก็เสียสัจจะไปแล้วหนหนึ่งจน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องยอมจบอนาคตตัวเองเป็นการชั่วคราว ครั้งนั้นมีการกลับลำที่จะไม่หนุนเผด็จการสืบทอดอำนาจช้าไป จึงทำให้เสียงสนับสนุนหายไปชนิดคาดไม่ถึง ประกอบกับฐานเสียงเดิมก็ถูกพรรคสืบทอดอำนาจยึดไปหมด ในจังหวะที่คะแนนผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยังดีอยู่ จึงทำให้พรรคเก่าแก่กลายเป็นพรรคต่ำร้อยไปโดยปริยาย
แต่สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า จะมาอ้ำอึ้งแทงกั๊กอีกไม่ได้ ผลของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก.ที่ออกมา สะท้อนภาพให้เห็นแล้วว่า ฐานเสียงสำคัญที่เคยหนุนพรรคเก่าแก่ในกรุงเทพฯ นั้น ประชาชนต้องการอะไร และมองเห็นอะไร ดังนั้น การที่เคยอิงแอบอยู่กับอำนาจนอกระบบ และมืออีกข้างยังเกาะกุมอยู่กับอำนาจเผด็จการนั้น จะต้องตัดให้ขาดแล้วประกาศจุดยืนให้ชัดเจน หากยังทำตัวแบบเทา ๆ เหมือนเดิม ไม่ใช่จะเป็นได้แค่พรรคต่ำร้อย แต่อาจจะน้อยกว่าสิบเสียด้วยซ้ำไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงที่มาของปมข่าวปล่อยว่าพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.จะถูกยึดเก้าอี้หัวหน้าพรรคนั้น ทั้งหมดก็เป็นไปตามที่มีบทสรุปกันในที่ประชุมวอร์รูมของพรรคนั่นแหละ มีคุณแหล่งข่าวภายในพรรคที่จงใจจะเสี้ยมเพื่อขยายผลความขัดแย้งระหว่างพี่ใหญ่กับน้องเล็กให้หนักข้อเข้าไปอีก โดยที่เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่ว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะเข้ามาเกี่ยวดองหนองยุ่งกับพรรคจริง ๆ หากแต่เพื่อให้เกิดแรงกระเพื่อม และความไม่พอใจจากพี่ใหญ่ จนสุดท้ายน้องเล็กต้องแสดงตัวให้ชัดว่าจะไปร่วมกับพรรคการเมืองใด
ในมุมนี้ก็คือ ต้องการให้เกิดความชัดเจนว่าพรรคที่จะสนับสนุนผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจในการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้นคือพรรคใด และจะไปเข้าร่วมกับพรรคนี้แน่นอนใช่หรือไม่ ซึ่งจะทำให้บรรดานักเลือกตั้งที่เป็นลิ่วล้อและสายตรง สามารถตัดสินใจเปลี่ยนสีเสื้อกันได้โดยเร็ว เพื่อการเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่การเปิดเกมหนนี้กลับไม่มีอะไรที่จะทำคนปล่อยข่าวและพวกพ้องได้ตัดสินใจง่ายขึ้นแต่อย่างใด
ที่แน่ ๆ คือพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ไม่ลาออกจากพรรคสืบทอดอำนาจ ยังคงยึดเก้าอี้หัวหน้าพรรคอย่างเหนียวแน่น และน้องเล็กก็จะไม่สมัครเข้าไปเป็นสมาชิกพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างแน่นอน เพราะการเมืองภาพใหญ่มันทำให้เห็นภาพค่อนข้างชัดแล้วภายหลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พวกที่อาศัยการสนับสนุนจากคนที่เคยเป็นอดีตแกนนำม็อบนกหวีด ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แนวร่วมที่เคยสนับสนุนไม่ได้เหนียวแน่นและแน่นหนาเหมือนวันที่โบกมือดักกวักมือเรียกให้มีการรัฐประหารอีกต่อไป
ยิ่งเมื่อรวมคะแนนเสียงของพวกที่เป็นฝ่ายอำนาจนิยมแล้วก็ยิ่งทำให้เห็นว่า พ่ายแพ้ต่อฟากฝั่งที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยอย่างย่อยยับ ความเห็นของ ทักษิณ ชินวัตร ในร่างของ โทนี่ วู้ดซัม เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา จึงเป็นการฉายภาพของความเป็นจริง ไม่ใช่เรื่องการเยาะเย้ยถากถาง หากแต่ในฐานะผู้ที่เคยมีอำนาจ เหลิงอำนาจ และถูกยึดอำนาจ ย่อมรู้ว่าเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน ถ้าคนที่บ้าอำนาจยังไม่เปลี่ยนเท่ากับหายนะที่รออยู่ข้างหน้า
คำแนะนำที่ว่าหากผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจคิดจะเป็นนายกรัฐมนตรี จะลงเลือกตั้ง เพราะมั่นใจว่าความนิยมยังสูง มีผลงานเยอะ อยากเสนอให้ปรึกษา พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯ กทม. เชื่อว่าจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่ไม่เกินเลย เพราะรูปแบบการทำงานของคนทั้งคู่ไม่ได้แตกต่างกัน ถ้ายอมรับความจริงผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจย่อมจะเข้าใจทุกครั้งเวลาลงพื้นที่ เสียงก่นด่า สาปแช่ง กับคำยกย่องเยินยอนั้น อะไรที่มากกว่ากัน
หากฟังและเชื่อเอาแต่ที่ลิ่วล้อสอพลอรายงาน หรือได้ยินแต่เสียงของคนที่จัดตั้งกันมาเพื่อช่วยรับมุกที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องการลูกคู่นั้น บอกได้คำเดียวว่าเสียหายยับเยินแน่นอน เหมือนกับที่ทักษิณยกเอาเหตุการณ์โกลาหลช่วงค่ำวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา จากการที่แอดมินเพจเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ แต่ลืมปิดคอมเมนต์ ทำให้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเกือบ 5 หมื่นคอมเมนต์ ก่อนที่จะมีการปิดกั้นไม่ให้แสดงความคิดเห็นได้อีกในเวลาต่อมา
ถ้าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้เข้าไปอ่านด้วยตัวเองเชื่อได้เลยว่าจะทำให้โรคเครียดที่เป็นอยู่กำเริบหนักขึ้นมาทันที แต่หากทำใจได้เพราะความที่อยากจะอยู่ยาว ก็จะได้รู้ตัวเองว่ากว่า 8 ปีที่ผ่านมานั้น สิ่งที่อ้างว่าทำไปแล้ว มันช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนได้จริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงแล้วจะแก้ไขปรับปรุงตัวเองเพื่อให้เป็นทางเลือกอีกครั้งกับประชาชนอย่างไร ในทางกลับกันถ้าสำเหนียกได้ว่าการอยู่ในตำแหน่งมานานขนาดนี้โดยที่ประชาชนไม่แฮปปี้ขนาดนี้ ยังคิดที่จะอยู่ต่อไปอีกหรือ อย่างที่ทักษิณว่า “ต้องคิดเยอะ ๆ” ไม่ใช่พูดไม่คิดเหมือนที่เคยบอกเป็นนายกฯ ไม่เห็นยากตรงไหน