ตลาดหุ้นสำหรับคนรวยที่บ้าบิ่น
ขอย้ำอีกครั้งว่าตลาดหุ้นที่เรียกว่า Live E ที่ ก.ล.ต.และตลาดฯ กำลังวางแผนออกแบบนั้น มีความย้อนแย้งกันอย่างมาก
ขอย้ำอีกครั้งว่าตลาดหุ้นที่เรียกว่า Live E ที่ ก.ล.ต.และตลาดฯ กำลังวางแผนออกแบบนั้น มีความย้อนแย้งกันอย่างมาก เพราะนอกเหนือจากฐานะอันไม่ชัดเจนของบริษัทที่จะจดทะเบียนให้มีฐานะพิเศษที่เป็นบริษัทภายใต้กฎหมายบริษัทมหาชนพิเศษนั้น มีความลักลั่น เพราะมีความเสี่ยงสูงมากที่จะประสบความล้มเหลวในเวลา 3 ปีแรกหลังการเข้าจดทะเบียนแล้ว ………ลักษณะและคุณสมบัติของนักลงทุนหรือผู้เล่นในตลาดรองยังจำกัดอีกด้วยเพราะทำให้กลายเป็นตลาดจำกัดผู้เล่นอย่างมาก เรียกว่าเป็น “ตลาดคนรวยที่ชอบเสี่ยงมาก”
เหตุผลเพราะในการออกแบบนี้ รู้ทั้งรู้แต่แรกแล้ว่า “เนื่องจากบริษัทจำกัดที่มาระดมทุนแบบเฉพาะเจาะจง อาจเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่อยู่ในช่วงเริ่มต้น หรือมีความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจที่สูง รายได้หรือกำไรอาจยังไม่แน่นอน รวมทั้งมีโอกาสสูงที่จะไม่ประสบความสำเร็จ และเลิกประกอบธุรกิจไป ดังนั้น สำนักงานจึงกำหนดหลักเกณฑ์ประเภทผู้ลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนใน SME หรือ startup เพื่อใช้เป็นมาตรการคุ้มครองผู้ลงทุนตามระดับความสามารถในการรับความเสี่ยง หรือความเข้าใจในการลงทุนของผู้ลงทุน …”
นั่นหมายความว่าคนจะซื้อหุ้นในตลาดรองและตลาดแรกนั้นจะต้องเป็นคนที่จำกัดปริมาณอย่างมากตั้งแต่เริ่มต้น นักลงทุนเป้าหมายที่จะกลายเป็นผู้เล่นจะต้องประกอบด้วย
- เป็นนิติบุคคลที่เป็นบริษัทจำกัดที่เข้าข่ายเป็น SME ขนาดกลางและขนาดย่อมตามนิยาม SME ของกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อย พ.ศ. 2562
- ผู้ลงทุนสถาบัน (II) กิจการเงินร่วมลงทุน (PE) นิติบุคคลร่วมลงทุน (VC) และผู้ลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ (Angel Investor)
- กรรมการและพนักงานของกิจการและบริษัทย่อย รวมถึงนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นเพื่อถือหุ้นแทนกิจการสำหรับการจัดสรรหุ้นให้แก่กรรมการและพนักงาน (SPV)
- นักลงทุนทั่วไปไม่เกิน 20 รายวงเงินรวมไม่เกิน 20 ล้านบาท
นั่นหมายความว่าการจำกัดจำนวนผู้เล่นในตลาด Live Exchange นี้ จำปิดช่องสำหรับการเทรดหรือซื้อขายประจำวันโดยปริยาย
คำถามอยู่ที่ว่า ใครจะบ้าเอาเงินทุนของตนมาถมทะเลทิ้งโดยเปล่าประโยชน์เพียงเพื่อจะได้ชื่อว่าเป็น “นักลงทุนเทวดา”
แล้วคำถามที่ตามมาก็คือ ตลาด Live Exchange เช่นนี้จะต่างอะไรกันกับตลาดหุ้นของสปป.ลาวที่เปิดตลาดแค่วันละเฉลี่ยไม่เกิน 15 นาทีเท่านั้น วังเวงสิ้นดี
แล้วหากบังเอิญ SME ที่รอดพ้นจากสถานการณ์อันน่ากลัวช่วงนี้จนครบ 3 ปีค่อยพิจารณาว่าจะถอดออกจากตลาดหรือจะขึ้นชั้นไปสู่ตลาด mai หรือ SET ที่จะทำให้คนถือหุ้นมีกำไรมหาศาลจาก IPO แล้วหากเป็นโดยนัยข้างต้น ก็จะมีคำถามอีกว่าถ้าอย่างนั้นจะต่างอะไรกันกับปล่อยให้บริษัทเหล่านั้นพิสูจน์ตัวเองนอกตลาดเสียก่อนจะเข้าทำ IPO ตามเส้นทางปกติกันเล่า
คำถามจึงทำให้งงงวยว่า จะส่งเสริมหรือนำมาเชือดก่อนเวลาอันสมควรกันแน่
การที่ออกแบบสร้างตลาดกระดานใหม่ขึ้นมาอย่างฝืนธรรมชาติเช่นนี้ เป็นคำถามที่คนโง่มากอย่างผมไม่เข้าใจว่าท่านกำลังคิดอะไรกันอยู่แน่
เพราะว่าเหตุผลเรื่องการสร้างนวัตกรรมใหม่ที่มีปัญหารออยู่ข้างหน้านั้น ไม่ใช่สิ่งที่ควรสนับสนุนเลยนะครับ
ที่ทักท้วงมา เพราะไม่อยากให้ตลาด Live Exchange กลายเป็นตลาด Dead Exchange นะครับ ไม่มีอย่างอื่นใด