ปั่นสนุกมือ?
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยยังไม่มีอะไรตื่นเต้นกว่าครั้งก่อน ๆ เพราะหุ้นใหญ่ถูกแรงกดดันจากสารพันปัญหา ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศยังต้องพึ่งพาท่องเที่ยวเป็นหลัก จึงกลายเป็นหุ้นที่รายย่อยไม่อยากเข้าเล่น เพราะเข้าไปเล่นทีไร ก็โดนพวกสถาบันสาดใส่ประจำ จึงทำให้ตลาดหุ้นไทยตกอยู่ในอาการเซื่องซึมถี่ขึ้น และทำให้แนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาผ่านยากขึ้นอีกด้วยไงล่ะจ๊ะ
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยยังไม่มีอะไรตื่นเต้นกว่าครั้งก่อน ๆ เพราะหุ้นใหญ่ถูกแรงกดดันจากสารพันปัญหา ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศยังต้องพึ่งพาท่องเที่ยวเป็นหลัก จึงกลายเป็นหุ้นที่รายย่อยไม่อยากเข้าเล่น เพราะเข้าไปเล่นทีไร ก็โดนพวกสถาบันสาดใส่ประจำ จึงทำให้ตลาดหุ้นไทยตกอยู่ในอาการเซื่องซึมถี่ขึ้น และทำให้แนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาผ่านยากขึ้นอีกด้วยไงล่ะจ๊ะ
*ฉะนั้นการที่ดัชนีพุ่งพรวดตั้งแต่เปิดตลาด แต่สุดท้ายย่อตัวมาปิดที่ระดับ 1,636.89 จุด บวกไป 4.97 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.72 หมื่นล้านบาท มันคือโมเมนตัมการลงทุนที่บอกให้ทุกคนรู้ว่า เวลานี้ไม่ใช่เวทีของหุ้นใหญ่! และนักลงทุนรายย่อยกำลังเทใจไปที่หุ้นเล็ก ซึ่งมีสตอรี่ให้เลือกชมแบบหลากหลาย ผสานกับมีเจ้ามือหลายก๊วนเข้ามาตะลุมบอน จึงมีเรื่องให้พวกแมงลือเม้าท์มอยกันอย่างสนุกปากนะจะบอกให้
*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องออกมาไล่เรียงไทม์ไลน์เพื่อให้แฟนคลับเข้าใจกันง่ายขึ้น และเข้าเล่นหุ้นได้ถูกจังหวะจะโคน โดยเฉพาะสถานการณ์ของหุ้นกลางเล็กที่กำลังขึ้นหม้อสุด ๆ มันมีจุดเริ่มต้นมาจากเรื่อง PE PBV ต่ำ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้นักเล่นรุ่นใหม่ที่เรียตัวเองว่า “สมาร์ทมันนี่” กระโจนใส่มือเป็นระวิง และในหมู่นักเล่นกลุ่มนี้ก็มีทั้งสาย “เทคนิค” และสายที่เป็น “พื้นฐาน” นะตัวเอง
*วันนี้จึงเห็นหุ้นเล็กที่เงียบเหงาเป็นเวลาหลายปี เริ่มมีความคึกคักมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว แถมแต่ละตัวก็เป็นหุ้นแปลก ๆ ทั้งนั้น “โมนิก้า” เลยอยากเม้าท์ถึงหุ้นเหล่านั้นต่ออีกวัน เพราะมีรูปแบบการเคาะขวารัว ๆ กันทั้งนั้น ซึ่งอาจอนุมานได้ว่า วันนี้น่าจะมีการเล่นต่อ เดี๊ยนจึงขอเกาะขบวนรถไฟเหาะตีลังกากับเขาสักหน่อย เพราะมันทำให้อะดรีนาลีนในร่างกายมันพลุ่งพล่านสุด ๆ พะยะค่ะ
*โดยเฉพาะในรายของหุ้นห้องเย็น CM ถูกดันขึ้นมาเล่นถี่ขึ้น ทั้งที่บรรทัดสุดท้ายยังมีตัวแดงแบบนี้ “โมนิก้า” ตีความได้อย่างเดียวคือ เทิร์นอะราวด์ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้นักลงทุนกล้าเข้ามาเล่น รวมทั้งในแง่ของ BV ที่อยู่ในระดับ 3.38 บาท ก็ทำให้การยืนปิดที่ระดับ 3.86 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 8.43% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 270 ล้านบาท ไม่ได้เสี่ยงจนเกินไป (ถ้าคิด 1.50 เท่าของบุ๊ก ราคาหุ้นจะอยู่แถว 5 บาท) นะตัวเอง
*เช่นเดียวกับสถานการณ์ของหุ้นอลูมิเนียม VARO ก็นอนนิ่งแถว 4-5 บาทเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง จู่ ๆ สองสัปดาห์นี้ก็พุ่งพรวดพราดขึ้นมาเสียอย่างนั้น จนวานนี้ขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 14.40 บาท บวกไป 2.20 บาท หรือขึ้นไป 18.03% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 171 ล้านบาท ก็เป็นจุดที่ทำให้เชื่อว่า น่าจะมาจากเรื่องกำไรโต เพราะผลงานในไตรมาส 1 ทำกำไรต่อหุ้นขึ้นไปในระดับ 0.35 บาท และมีลุ้นปีนี้จะทำกำไรต่อหุ้นแตะ 1 บาทเสียด้วยแบบนี้..มันพะยะค่ะ
*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นไนล่อน AFC เป็นรายถัดไปในทันที เพราะไม่ได้เห็นอาการหวือหวาแบบนี้นานถึง 10 ปี เดี๊ยนจึงต้องแคะข้อมูลในมุมต่าง ๆ เพื่อมาบอกเล่าแฟนคลับสักหน่อย และมุมที่เห็นคือ BV อยู่ในระดับ 26 บาท และกำไรต่อหุ้นปีนี้มีสิทธิ์แตะ 1 บาท (ปีที่แล้วทำได้ 0.90 บาท) เดี๊ยนเลยไม่มีอะไรคาใจเมื่อเห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 15.20 บาท บวกไป 1.80 บาท หรือขึ้นไป 13.43% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 313 ล้านบาท เพราะธีมหุ้นมันมาทรงนี้กันทั้งนั้นจ้า!
*คล้ายคลึงกับสถานการณ์ของหุ้นเหล็ก TCJ ก็ถูกดันขึ้นมาเล่นด้วยสตอรี่หุ้นต่ำบุ๊กเป็นธงนำ (วันนี้บุ๊กอยู่ที่ 13.33 บาท) พ่วงด้วยความคาดหวังผลงานปีนี้จะออกมาดี บรรดานกรู้ที่ถนัดเล่นรอบถึงกรูเข้ามาไล่หุ้นมาพักใหญ่ ๆ ขณะที่วานนี้หุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 6.85 บาท บวกไป 0.65 บาท หรือขึ้นไป 10.48% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 166 ล้านบาท จึงกลายเป็นช็อตของการ follow buy สำหรับผู้กล้านะนายจ๋า!
*ในเมื่อเล่นบนความหวังกำไรปีนี้จะออกมาดี และจะทำให้ค่าพีอีลดอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” คงชี้เป้าไปที่หุ้น CPR แบบไม่ลังเลใจ เพราะเป็นหุ้นที่ถูกดึงขึ้นมาเล่นในจังหวะที่พีอีไม่สูง และมีสตอรี่ให้ขาลุยได้ติดตามตลอดทั้งปี แต่เรื่องจริงจะเป็นเหมือนที่เม้าท์แตกหรือเปล่า? ต้องติดตามดูกันเอาเอง เพราะในอดีตหุ้นตัวนี้ก็วูบวาบดีเหลือเกิน ต่อจากนั้นก็หายไปแบบไร้ร่องรอย เดี๊ยนจึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 7.15 บาท บวกไป 1.65 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 274 ล้านบาท น่าตามต่อไหมเอ่ย?