BCH ราคาต่ำเกินจริงหรือ

ราคาหุ้นที่ต่ำเกิน เทียบกับพื้นฐานผลประกอบการ ความคาดหวังว่าจะราคาต่ำลงไปอีก จึงเป็นไปไม่ได้ งานนี้ควรต้องถามหมอเฉลิมว่าราคาของ BCH ที่เหมาะสมควรเป็นเท่าใด


หุ้นที่เรียกว่าสวนทางจากตลาดทั่วไปเพราะได้รับอานิสงส์จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 คือหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล แต่ว่าราคาหุ้นกับผลประกอบการอาจจะไม่สอดคล้องกันเสมอไป

BCH ถือเป็นหุ้นโรงพยาบาลที่รับอานิสงส์จากทั้งรายได้ กำไร และราคาหุ้นในปีที่ผ่านมา เพราะรายได้ กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นแรงกว่ารายอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน

ราคาหุ้นของ BCH ที่วิ่งขึ้นจากระดับไปที่ราคาสูงสุด 22.70 บาท ก่อนร่วงลงมาในปีนี้ ที่ระดับล่าสุดแถว 18.70 บาท ถือเป็นราคาหุ้นที่เกินจริงมาก เทียบกับบุ๊กแวลูที่ 6.01 บาท ทำให้รับอานิสงส์ที่เกินจริงจากการที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย แม้รัฐบาลยังคง สนับสนุนด้านสาธารณสุขตามสิทธิของผู้ป่วย ทั้งนี้ ผู้ป่วยสีเขียวที่มีอาการไม่รุนแรงให้เข้ารับการดูแลในรูปแบบ 1) “เจอ แจก จบ” (Self Isolation) 2) การกักตัวที่บ้าน (Home Isolation)

และ 3) การกักตัวที่โรงแรม (Hotel Isolation) ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้ โรงพยาบาลในเครือยังคงร่วมให้บริการตามนโยบายที่เปลี่ยนแปลงอย่างทันท่วงที ส่งผลให้จำนวนผู้เข้ารับการตรวจคัดกรองและการรักษา ในรูปแบบ Home Isolation และ Hotel Isolation นอกจากการให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับโควิด-19 บริษัทและ โรงพยาบาลในเครือข่ายมีผลการดำเนินงานของเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย

ไตรมาสที่ 1/2565 BCH มีรายได้รวมจำนวน 7,118.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1/2564 จำนวน 4,735.26 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 198.68 ขณะเดียวกันบริษัทยังคงดำเนินนโยบายบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดย บริษัทมีกำไรขั้นต้นจำนวน 3,197.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,499.86 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 358.39 กำไรก่อนต้นทุนทางการเงิน หรือ EBITDA จำนวน 2,971.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,281.21 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 330.49 และกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทจำนวน 2,028.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,704.56 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 526.4

โดยนอกเหนือจากรายได้ผู้ป่วยทั่วไปสำหรับไตรมาสที่ 1/2565 จำนวน 5,639.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1/2564 จำนวน 4,122.32 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 271.71 โดดเด่นมากจนน่าอิจฉา ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายได้อย่างมีนัยเนื่องจากการเริ่มฟื้นตัวของคนไข้ทั่วไปภาคปกติ การระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเข้ารับบริการทางการแพทย์กับโรงพยาบาลในเครือ จำนวนมาก และการให้บริการฉีดวัคซีนโมเดอร์นาทางเลือกจำนวนกว่า 384,500 โดส

นอกจากนั้น BCH ยังมีรายได้เสริมขึ้นจากรายได้ผู้ป่วยโครงการประกันสังคมสำหรับไตรมาสที่ 1/2565 จำนวน 1,477.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1/2564 จำนวน 648.46 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 81.13 โดยไตรมาสที่ 1/2565 ที่ผ่านมา บริษัทและโรงพยาบาลในเครือมีจำนวน ผู้ประกันตนเฉลี่ยจำนวน 935,824 ราย เพิ่มขึ้น 47,575 ราย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.36 จากไตรมาสที่ 1/2564 ซึ่งการเพิ่มขึ้นของจำนวน ผู้ประกันตนเนื่องจากการได้รับโควตาเพิ่มสำหรับสาขาโรงพยาบาลที่ผู้ประกันตนลงทะเบียนเต็มและการเข้าร่วมโครงการประกันสังคมปีแรกของโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี ส่งผลให้มีผู้ประกันตนลงทะเบียนใช้สิทธิกับโรงพยาบาลในเครือเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นในเดือน มีนาคม 2565 ทางรัฐบาลได้ปรับนโยบายเปลี่ยนผ่านเพื่อเตรียมประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น

รายได้อื่น ๆ สำหรับไตรมาสที่ 1/2565 จำนวน 31.36 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสที่ 1/2564 จำนวน 35.52 ล้านบาท หรือ ลดลงร้อยละ 53.11 แต่การที่บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขตามสัญญาบริการ แนะนำคนไข้ชาวต่างชาติทำให้มีการบันทึกกลับรายการค่าใช้จ่ายที่เคยบันทึกไว้และบันทึกเพิ่มรายได้อื่น ๆ แทน โดยการกลับรายการดังกล่าวเป็นรายการเฉพาะหน้า (One off) ทั้งนี้หากมีการเกิดขึ้นอีกบริษัทคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานอย่างมีนัย

บริษัทมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายดำเนินงาน สำหรับไตรมาสที่ 1/2565 เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนสินค้าคงเหลือและต้นทุนบริการ โดยเฉพาะรายการที่แปรผันตามการให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระยะยาวสำหรับโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่จะย้อนกลับมาสร้างรายได้ในอนาคตจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวล

การที่ BCH มีอัตราการทำกำไรสำหรับไตรมาสที่ 1/2565 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย โดยอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30.11 เป็นร้อยละ 45.11 อัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 19.87 เป็นร้อยละ 38.46  ทำให้การเงินแข็งแกร่งอย่างมากมายเป็นประวัติการณ์ ช่วยให้กำไรสะสมของบริษัทเพิ่มขึ้น เป็น 3.7 พันล้านบาท เช่นเดียวกับ บุ๊กแวลูที่ระดับ 6.01 บาท จากระดับสิ้นสุดปีก่อนที่มีเพียง 4.90 บาท ทำให้ราคาหุ้นสิ้นปี 2564 ที่เคยสูงถึง 22 บาทเศษ อยู่ที่แถวระดับล่าสุด เหนือ 16 บาท เป็นราคาต่ำเกินพื้นฐานแค่นั้น

ราคาหุ้นที่ต่ำเกิน เทียบกับพื้นฐานผลประกอบการ ความคาดหวังว่าจะราคาต่ำลงไปอีก จึงเป็นไปไม่ได้

งานนี้ควรต้องถามหมอเฉลิมว่าราคาของ BCH ที่เหมาะสมควรเป็นเท่าใด

Back to top button