ฝรั่งสาดหุ้นหนัก

แรงกดดันเรื่อง “เงินเฟ้อ” และปัญหาราคา “น้ำมันแพง” กลายเป็นตัวเร่งที่ทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกแย่ลงอย่างต่อเนื่อง


*แรงกดดันเรื่อง “เงินเฟ้อ” และปัญหาราคา “น้ำมันแพง” กลายเป็นตัวเร่งที่ทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกแย่ลงอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับผลกระทบที่เกิดจากปัญหาสงคราม “รัสเซีย” กับ “ยูเครน” ที่ยังไม่มีวี่แววจะได้ข้อยุติในเร็ววัน ก็เป็นอีกตัวแปรสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างดูมืดมนไปทุกทาง หรือแม้กระทั่งกรณีที่ “จีน” กับ “ไต้หวัน” ที่กำลังอยู่ในช่วงฮึ่ม ๆ ใส่กัน โดยมีขาเผือกอย่างประเทศมหาอำนาจอเมริกาคอยสอดแทรกตลอดเวลา ก็เป็นเรื่องที่น่าวิตกไม่ใช่น้อยนะคะ

*ประเด็นปัญหาทั้งหลายที่เกริ่นให้ฟังในตอนต้น ล้วนเป็นตัวเร่งที่ทำให้ฝรั่งระดมสรรพกำลังขายหุ้นอย่างหนักในช่วง 8 วันทำการของเดือน มิ.ย. จนยอดขายทะลุขึ้นไปเกือบ 1.20 หมื่นล้าน “โมนิก้า” มองเป็นสถานการณ์ที่นักเล่นต้องปรับตัวให้ทันกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะหลายคนเริ่มมองโลกในแง่ร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ผนวกกับการทิ้งตัวลงพรวดพราดแบบไม่ทันตั้งตัวทำให้รู้ในทันทีว่า เอาไม่อยู่พะยะค่ะ

*ฉะนั้นการที่ดัชนีทรุดฮวบลงมาปิดที่ระดับ 1,600.06 จุด ลบ 32.56 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.34 หมื่นล้านบาท จึงเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า แนวรับสำคัญทางจิตวิทยา 1,600 จุดอาจต้านไม่ไหว เพราะจังหวะนี้ฝรั่งถอนตัวแบบชัดเจน ซึ่งสังเกตได้จากค่าเงินบาทกลับมาอยู่ในโหมดอ่อนตัวอีกครั้ง จึงเป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” ต้องเริ่มหัดเผื่อใจให้กับสิ่งที่ไม่คาดฝันไว้บ้าง เพราะเที่ยวนี้มันหนักหนาสาหัสของจริงนะจะบอกให้

*โดยเฉพาะประเด็นที่ตลาดหุ้นต่างประเทศร่วง 3% ได้กลายเป็นเบนซ์มาร์คสำหรับตลาดหุ้นอื่นไปเสียแล้ว “โมนิก้า” จึงรู้สึกกดดันอย่างหนักเมื่อเห็นตลาดหุ้นไทยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดี และอนุมานได้ทันทีว่า ต้องไปลุ้นเฮือกใหญ่ที่บริเวณ 1,580 จุด เพราะเคยเป็นจุดเด้งกลับของดัชนีในเที่ยวก่อน เดี๊ยนเลยเชื่อว่า เที่ยวนี้น่าจะต้านแรงขายของฝรั่งได้เหมือนเดิมไงล่ะคะ

*ส่วนรายที่น่าเป็นห่วงเหลือเกิน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น PTTGC ก่อนใครเพื่อน เพราะการที่ราคาหุ้นทรุดลงมาใกล้ฐานเดิมบริเวณ 44 บาทเป็นครั้งที่ 2 ท่ามกลางบริบทรอบด้านที่แย่ลงกว่าเดิม มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่เวิร์คสำหรับคนที่ต้องการช้อนหุ้น เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับพิจารณาการยืนปิดที่ระดับ 45.25 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 4.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 916 ล้านบาท มีดาวไซด์จำกัดจริงไหมเอ่ย?

*คล้ายกับกรณีของ WHA ก็ทิ้งตัวลงมาใกล้แนวรับสำคัญบริเวณ 3 บาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่น่าลุ้นสุด ๆ เมื่อดูจาสถิติในรอบปีครึ่งที่ผ่านมา ผนวกกับปีนี้มีลุ้นข่าวดีเป็นระยะ เดี๊ยนจึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 3.10 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 246 ล้านบาท คุ้มค่ากับการลงทุนขนาดไหน? หากคิดไม่ออกจริง ๆ ขอแนะนำให้ดูค่า PE 15 เท่าในภาวะตลาดหุ้นผันผวน เสี่ยงมากน้อยขนาดไหนเจ้าค่ะ

*ประเด็นข้างต้นเทียบเคียงได้กับหุ้น SUPER ซึ่งตกอยู่ในสถานการณ์ไหลลงมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ต้นปี 65 จนล่าสุดยืนปิดที่ระดับ 0.81 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 3.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 106 ล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 10 เท่า มันกลายเป็นจุดที่นักเล่นต้องประเมินเหตุการณ์กันเอาเองว่า การช้อนหุ้นตรงบริเวณนี้คุ้มไหม? เพราะสิ่งที่ทุกคนรับรู้กันมาตลอดคือ ปีนี้จะเป็นปีที่ดีปีหนึ่ง แต่ทำไมราคาหุ้นถึงเป๋ได้ขนาดนี้ล่ะจ๊ะ

*ส่วนคนที่มาในแนวเก็งกำไรแบบสุดซอย “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นผีบอกอย่าง KWI อย่างรวดเร็ว เพราะการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.72 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 6.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 204 ล้านบาท ล้วนมาจากสตอรี่เทิร์นอะราวด์เป็นประเด็นหลัก ต่อจากนั้นก็ปั่นกระแสด้วยเรื่องผลงานโต (สูตรสำเร็จของหุ้นที่เปลี่ยนจากอสังหาฯ มาทำธุรกิจประกันภัย) จึงกลายเป็นหุ้นที่เจ้ามือเข้ามาโขยกได้หลายระลอกนะคะ

*ในเมื่อมาแนว “สยองขวัญ สั่นประสาท” ก็ขอเม้าท์ถึงผีลืมหลุมอย่างหุ้น MATCH กันสักหน่อยดีกว่า เพราะการพุ่งพรวดขึ้นไปถึง 2.98 บาท แต่สุดท้ายย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 2.32 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 3.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 141 ล้านบาท ทั้งที่ไม่มีอะไรในกอไผ่ และบรรทัดสุดท้ายยังมีตัวแดงห้อยต่องแต่งแบบนี้ไงเล่า! เดี๊ยนถึงไม่อยากขัดคอพวกขาลุยที่ต้องการเทรดหุ้นหาค่าน้ำมันรถ เพราะมันเป็นเกมของคนที่ถนัดในเรื่อง “มาไว เคลมไว” พะยะค่ะ

*ป.ล.วานนี้ตลาด mai เหลือจำนวนหุ้นบวกเพียงแค่ 10 ตัวจากทั้งหมดที่มีอยู่ 186 ตัว..มันหมายความว่า ทุกคนกลัวจนหัวโกร๋นนะจะบอกให้

Back to top button