เด้งแล้วทุบ
สิ่งที่เดี๊ยนอยากเห็นมากสุดในจังหวะที่ดัชนีบวกกลับทุกครั้งที่โดนขายเป็นเวลานาน คงเป็นเรื่องของการ “เด้งแล้วทุบ” เพราะเป็นการพิสูจน์ “แนวรับ” กับ “แนวต้าน”
*สิ่งที่เดี๊ยนอยากเห็นมากสุดในจังหวะที่ดัชนีบวกกลับทุกครั้งที่โดนขายเป็นเวลานาน คงเป็นเรื่องของการ “เด้งแล้วทุบ” เพราะเป็นการพิสูจน์ “แนวรับ” กับ “แนวต้าน” มีแรงซื้อแรงขายมากขนาดไหน? ซึ่งจะเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่า ดัชนีถึงเวลาเดินหน้าอย่างเป็นทางการหรือยัง? ขณะเดียวกันก็บอกให้รู้ว่า ดัชนีมีโอกาสไหลลงไปลึกขนาดไหน? จึงเป็นภาพที่เดี๊ยนอยากให้ทุกคนเข้าใจไปในทางเดียวกันพะยะค่ะ
*เนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกยังถูกหลอกหลอนด้วยเรื่อง เงินเฟ้อ-น้ำมันแพง-เงินไหลออก-เงินอ่อนค่า-สงคราม หรือแม้กระทั่งพวกสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ ก็อยู่ในช่วงขาลงทั้งนั้น โดยเฉพาะในส่วนของบิตคอยน์ที่จ่อหลุดระดับ 2 หมื่นเหรียญ ซึ่งเป็นการปรับตัวลง 50% เมี่อเทียบกับราคาต้นปีแบบนี้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้ตลาดหุ้นไทยโดนทดสอบแรงขายหนัก ๆ เพื่อทำให้แน่ใจว่า แรงซื้อยังมีอย่างเหนียวแน่นเจ้าค่ะ
*ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องจากวันก่อนที่ “โมนิก้า” จั่วหัวไว้ว่า “ตั้งลำสู้” ซึ่งเป็นภาพที่ทุกคนได้ชิมลางไปแล้วสองสามวัน และต่อจากนี้จะเป็นการพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยซึมซับกับข่าวร้ายพอหรือยัง? รวมทั้งการอ่อนตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,593.54 จุด ลบไป 9.49 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.89 หมื่นล้านบาท คือการเตือนถึงแรงขายของ “ต่างชาติ” ยังไม่เพลาลงเลย และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ค่าเงินอ่อนตัวทะลุ 35 บาทต่อเหรียญใช่ไหมเอ่ย?
*ในเมื่อเงินบาทอ่อนค่า ส่งออกยิ้มกรุ้มกริ่ม จึงกลายเป็นแรงส่งให้หุ้นปลากระป๋อง TU ทะยานขึ้นอย่างรูปธรรม หลังจากต้องนั่งจับเจ่าอยู่ที่ 16-17 บาทเป็นเวลานาน “โมนิก้า” ถึงรู้สึกแฮปปี้ที่เห็นหุ้นตัวนี้ขยับขึ้นได้เสียที! เพราะในมุมของค่า PE 10 เท่า มันค่อนข้างต่ำเกินไปสำหรับหุ้นที่มีกลยุทธ์โตต่อเนื่อง และการที่หุ้นยืนปิด 17.80 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.25 พันล้านบาท น่าจะเป็นภาพสะท้อนที่ดีนะจะบอกให้
*ส่วนหุ้นเก็งกำไรแบบสุดซอยอย่าง CPL ก็คงจบเกมในไม่ช้าอีกเช่นกัน เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.86 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 22.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.24 พันล้านบาท คือการเทรดบน PE 33 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้จะโดนจับขัง “โมนิก้า” จึงเชื่อว่า หุ้นจะไปได้อีกนิดหน่อย ต่อจากนั้นจะลาโรงไปด้วยสังขารที่แบกต่อไม่ไหว เดี๊ยนถึงมองว่า ขึ้นเกินกว่านี้ความเสี่ยงสูงแน่นอนเจ้าค่ะ
*สำหรับตัวที่จัดจ้านในภาวะผันผวน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นวุ้นเส้น TWP แบบไม่ลังเลใจ เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 5.15 บาท บวกไป 1.17 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 711 ล้านบาท มันคล้ายกับสถานการณ์เมื่อสัปดาห์ก่อนที่พุ่งจากระดับ 4 บาท ขึ้นไป 5 บาท ต่อจากนั้นก็รูดลงมากองอยู่แถว 4 บาทอย่างรวดเร็ว เดี๊ยนถึงอยากให้คุณ ๆ ท่าน ๆ ประเมินว่า เที่ยวนี้จะซ้ำรอยไหม? เพราะผลงานยังไม่เข้าตากรรมการน่ะซี
*ประเด็นดังกล่าวทำให้บางคนเกิดคำถามกับหุ้น NFC ในทันที เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 9.10 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 5.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 378 ล้านบาท ทั้งที่ยังไม่เห็นอะไรในกอไผ่ มันเป็นเรื่องของความเชื่อล้วน ๆ และหนึ่งในลู่ทางที่ทำให้เชื่อว่า ครึ่งปีหลังจะเป็นปีที่ดีมาก ๆ ก็มาจากคลังน้ำมันได้ฤกษ์เปิดอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะหนุนให้ผลงานต่อจากนี้ดีขึ้นเป็นลำดับนะนายจ๋า!
*ส่วนรายที่จบรอบเล่นอย่างเป็นทางการ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น TEAMG อย่างรวดเร็ว เพราะการร่วงต่อเนื่อง 4 วันติด จนลงมาปิดที่ระดับ 6.80 บาท ลบไป 0.65 บาท หรือลงไป 8.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 520 ล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยืนอยู่แถว 10 บาท มันเป็นภาพที่ย้ำหัวหมุดว่า จบแล้ว! แถมแรงขายที่ทะลักออกมาตลอดทั้งวัน ทำให้เดี๊ยนต้องเจียมตัวมากขึ้นกว่าเดิมไงล่ะคะ
*สำหรับรายที่ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น เพราะวงรอบของหุ้นก็วนเวียนไปมาที่ระดับ 70-80 บาทร่วมสองเดือน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นสุดเลิฟอย่าง JMT อีกเช่นเคย เพราะการเด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 74.25 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 804 ล้านบาท คือการย้ำให้นักเล่นทุกคนรู้ว่า ดาวน์ไซด์ต่ำ! หากคิดจะทำอะไร ก็ต้องรีบทำตอนนี้แหละจ้า!