3R+Renewable เมกะเทรนด์ใหม่โลก
แนวคิด 3R+Renewable เกิดขึ้นมาภายใต้แนวคิดความพยายามไม่สร้างขยะให้เกิดขึ้นตั้งแต่แรกและได้รับความสนใจมากขึ้น
เริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. 65 ที่ผ่านมา กระทรวงสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น มีการบังคับใช้กฎหมายให้ร้านขายปลีกและร้านอาหารในญี่ปุ่นลดการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง 12 ชนิด อาทิ ช้อน หลอด มีด หวี แปรงสีฟัน หมวกอาบน้ำและไม้แขวนเสื้อเพื่อลดขยะพลาสติกในทะเล หลังพบข้อมูลว่าช่วงปี 2010 ขยะพลาสติกมากกว่า 8 ล้านตัน ไหลลงสู่มหาสมุทรทั่วโลก
จึงเป็นที่มาของการส่งเสริมให้มีการรีไซเคิลเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดปริมาณพลาสติกใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งในญี่ปุ่นที่มีปริมาณปีละกว่า 5 ตัน และเริ่มเห็นหลายอุตสาหกรรมมีการตื่นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ที่ให้ความสำคัญต่อแนวคิดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการออกแบบ เพื่อเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สร้าง First Impression กับลูกค้า และสะท้อนความใส่ใจโลก
ที่ผ่านมาแนวคิด 3R (Reuse/Reduce/Recycle) ที่ได้รณรงค์กันมาเป็นเวลานาน และได้รับการยอม รับแล้วในวงกว้าง ที่สนับสนุนให้นำวัสดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ เพื่อลดปริมาณขยะที่จะเกิดขึ้นหรือการนำมารีไซเคิลเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการนำมาใช้ใหม่อีกครั้ง
ล่าสุดแนวคิด 3R+Renewable เกิดขึ้นมาภายใต้แนวคิดความพยายามไม่สร้างขยะให้เกิดขึ้นตั้งแต่แรกและได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่ต้นทางจากการเลือกใช้วัสดุทดแทนมาใช้ในการผลิต เพื่อให้วัสดุเหล่านั้นสามารถย่อยสลายได้ แทนการใช้วัสดุที่มาสร้างปริมาณขยะเพิ่มขึ้น
นั่นจึงกลายเป็นกลยุทธ์หลักว่าด้วยการบริหารจัดการด้านพลาสติกของญี่ปุ่น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายปีค.ศ. 2030 ที่ต้องลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งให้ได้ 25%, ภาชนะและบรรจุภัณฑ์สัดส่วน 60% และต้องสามารถนำมาใช้ใหม่และรีไซเคิลได้ รวมทั้งสนับสนุนการนำพลาสติกชีวมวลเป็นวัตถุดิบด้วยเช่นกัน
จึงเป็นแนวคิดที่ส่งผลต่อการออกแบบบรรจุภัณฑ์ในปัจจุบันของญี่ปุ่น และสะท้อนถึงพฤติกรรม “การบริโภคอย่างยึดจริยธรรม” หรือการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบของคนญี่ปุ่น เห็นได้ชัดจากผลสำรวจของสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคของญี่ปุ่น พบว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี2559-2563) ความตระหนักถึงการบริโภคโดยยึดจริยธรรมของคนญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า
บรรดาบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่หลายแห่ง มีการผสมผสานแนวคิดเพื่อการออกแบบ หรือปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ เช่น สินค้าไส้กรอกชื่อดัง SCHAU ESSEN (บริษัท Nippon Ham Co.,Ltd.) ที่ฉลองโอกาสครบรอบ 38 ปี ด้วยการเปิดตัวกลุ่มสินค้า Eco-Pirotype มีเป้าหมายเพื่อลดภาระด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมกับแนะนำบรรจุภัณฑ์รุ่นใหม่ Eco Pillow Type ที่ช่วยลดปริมาณการนำวัสดุมาทำเป็นบรรจุภัณฑ์ลงได้ประมาณ 28% รวมทั้งลดการปล่อย CO2 ได้กว่า 4,000 ตันต่อปี
แหละนี่ก็คืออีกหนึ่งเมกะเทรนด์โลกว่าด้วยเรื่องสิ่งแวดล้อม ที่เริ่มสกัดปัญหาตั้งแต่ต้นทาง นั่นคือ “ลดการสร้าง” เพื่อสุดท้ายจะไม่ต้องเพิ่มภาระต้นทุนการบริหารจัดการที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต..!!