พาราสาวะถี
กระแสการเมืองถือเป็นสิ่งที่นักเลือกตั้งให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะมันหมายถึงทิศทาง อนาคตทางการเมือง
กระแสการเมืองถือเป็นสิ่งที่นักเลือกตั้งให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะมันหมายถึงทิศทาง อนาคตทางการเมือง รวมไปถึงการกำหนดท่วงทำนอง จังหวะก้าวที่จะต้องเดินกันเพื่อเป้าหมายของชัยชนะเมื่อยามก้าวเท้าเข้าสู่สนามเลือกตั้ง เมื่อวัดกัน ณ เวลานี้ย่อมเป็นที่รู้กันว่ากระแสของฝ่ายไหนดีกว่ากัน คะแนนนิยมทั้งต่อตัวบุคคลและพรรคการเมืองเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ ยิ่งมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.และตามมาด้วยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่คนกรุงเทพฯ เทคะแนนเสียงให้ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ถล่มทลาย ยิ่งอ่านกันได้ไม่ยาก
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ญัตติซักฟอกของพรรคฝ่ายค้านที่ถูก สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานยื่นให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบด้วยข้อกล่าวหาเป็นญัตติเถื่อน จะถูกต่อยอดจาก เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักร้องในตำนานยื่นเรื่องให้ ชวน หลีกภัย สอบว่าญัตติขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ พร้อมจ่อจะยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบด้วย ขณะที่ท่าทีของนายหัวชวนผู้เคร่งครัดในหลักการก็ย้ำว่าไม่เคยเจอการยื่นค้านแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาการยื่นญัตติซักฟอกจะเพิ่มจะถอดชื่อใครสามารถทำได้ตลอดเวลา
เป็นธรรมดาของคนที่อยู่ในฝ่ายขาลง และเสียหน้าจากการที่อุตส่าห์ลงทุนเก็งและซื้อข้อสอบล่วงหน้าไว้แล้ว แต่ดันพลาดถูกต้ม ต้องรักษาหน้าของตัวเอง ทั้งที่รัฐมนตรีซึ่งถูกอภิปรายต่างประกาศกร้าวกันทุกคนไม่ได้เกรงกลัวต่อข้อกล่าวหาของพรรคฝ่ายค้าน ยินดีเสียด้วยซ้ำไปที่ถูกจองกฐิน เนื่องจากจะได้ใช้เวทีดังกล่าวในการชี้แจงข้อกล่าวหา รวมไปถึงการโชว์ผลงานที่ได้ทำไปด้วย นึกไม่ถึงและน่าสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าทำไมถึงต้องเลือกที่จะเล่นกันในประเด็นหยุมหยิมแบบนี้
ขณะเดียวกัน ปรากฏการณ์จากเวที “ไล่หนูตีงูเห่า” ของพรรคเพื่อไทยที่จังหวัดศรีสะเกษเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จากจำนวนผู้คนที่ไปร่วม ก็ทำให้เกิดอาการขาสั่นของบางคนบางพวก ถึงขนาดที่จะไปยื่นร้องให้ กกต.ดำเนินการตรวจสอบและจ้องจะยุบพรรคกันอีกแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านั้นบางพรรคการเมืองก็ไปจัดการปราศรัยและประกาศเปิดตัว ส.ส.ที่ยังอยู่ในสีเสื้อของพรรคเดิมเสียด้วยซ้ำ ในทำนองว่ารอบหน้าย้ายค่ายแน่ ถามว่าพวกไหนที่น่าจะถูกยื่นตรวจสอบมากกว่ากัน
ประสานักเลงการเมืองเขาจะไม่ออกลูกหาเรื่องกันแบบนี้ ยิ่งตัวเองยืนอยู่ฝ่ายกุมอำนาจ แล้วไปกล่าวหา เล่นงานนักการเมืองที่อยู่ในซีกฝ่ายค้าน เพราะเหตุการแห่แหนไปให้กำลังใจกันจำนวนมาก มันสะท้อนให้เห็นถึงอาการกลัวแพ้กันอย่างชัดเจน ทั้งที่ถ้ายึดสูตรพลังดูดที่เคยทำก่อนเลือกตั้งปี 62 ในพื้นที่ศรีสะเกษ ภูมิใจไทยน่าจะกุมความได้เปรียบกว่าเพื่อน เพราะมี ส.ส.เก่าอยู่แล้ว 2 ดึงจากเพื่อไทยมาอีก 3 เหลือเป็น ส.ส.ของเพื่อไทยแค่ 3 ที่นั่ง
การที่ อนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศกร้าวด้วยความมั่นใจว่าจะยึดทั้งจังหวัด มันจึงเป็นสิ่งที่พรรคแกนนำรัฐบาลไม่ควรหวั่นไหว จนถึงต้องไปดำเนินการเอาผิดพรรคแกนนำฝ่ายค้าน ทั้งหมดทั้งมวลมันคือการฉายภาพของความไม่เอาไหนจากผลของงานที่ได้ทำมา ทั้งที่การอยู่ในอำนาจนานกว่า 8 ปี เมื่อผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจมั่นใจว่า มีผลงาน ทำให้ประชาชนมั่นคง มั่งคั่ง ยั่นยืน ย่อมไม่เห็นหนทางที่ตัวเองและฝ่ายสนับสนุนจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไม่ว่าจะเลือกตั้งเมื่อใดหรือครั้งไหนก็ตาม
สิ่งที่ทำให้เกิดความหวั่นไหว จนกลายเป็นความหวาดกลัวย่อมหนีไม่ผลการไร้ผลงาน ประกอบกับความเดือดร้อนของประชาชนที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยปัจจัยที่เป็นผลกระทบรอบด้าน โดยที่รัฐบาลจอมแจกที่ตะบี้ตะบันประเคนสารพัดโครงการให้กับประชาชน ทั้งที่อ้างว่าได้รับความชื่นชอบและเกิดประโยชน์กับประชาชนมหาศาล แต่กลับกลัวว่าจะแพ้การเลือกตั้ง นั่นเป็นเพราะบรรดาหน่วยข่าวกรองทั้งหลายได้ลงพื้นที่ทำการสำรวจความเห็นกันแบบถี่ยิบแล้วพบว่า คะแนนนิยมเป็นรองฝ่ายตรงข้ามสุดกู่
เรื่องแลนด์สไลด์ไม่ใช่สิ่งที่คุยโม้โอ้อวด หากแต่มันมีปัจจัย นั่นจึงเป็นที่มาของการเล่นแง่ต่อกฎหมายลูกที่จะใช้ประกอบรัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไขเรื่องบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะสกัดไม่ให้ผลของกฎหมายที่ออกมาไปเอื้อประโยชน์กับพรรคเพื่อไทย ย้ำมาตลอดว่า สิ่งที่ได้ยินได้ฟังจากการสัมภาษณ์ของท่านผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย โดยเฉพาะจากพรรคฝ่ายรัฐบาล อย่าได้เชื่อใจ เพราะมีความพยายามที่จะพลิกแพลงกันหลายตลบ แม้จะถูกโจมตีหรือร้องหลังเคาะกันแล้ว แต่เชื่อในองค์กรปลายทางว่ายังไงก็ช่วยกันได้แบบไร้ยางอาย
ความเคลื่อนไหวของการเตรียมพร้อมรับมือซักฟอกในซีกของรัฐบาล พรรคสืบทอดอำนาจตั้งทีม 11 ส.ส.ใช้ชื่อสวยหรูว่าปราบมาร แต่ก็คือมือค้านหรือตีรวนการอภิปรายของฝ่ายค้านในสภานั่นเอง ตรงนี้ไม่ใช่สาระสำคัญ จุดชี้วัดสำคัญอยู่ที่เสียงของ ส.ส.ที่จะยกมือไว้วางใจต่างหาก แม้จะยังไม่กำหนดวันเวลาที่ชัดเจนในการซักฟอก แต่เรื่องของการเจรจาเพื่อให้ทุกอย่างนิ่ง ต้องเริ่มทำกันตั้งแต่บัดนี้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยคราว ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ถูกตีตราเป็นหอกข้างแคร่
ว่ากันว่า ในส่วนของพรรคเล็กที่เคาะกะลากันมาตลอดนั้น ได้รับข้อเสนอที่ทำให้ลดความเคลื่อนไหวในลักษณะห้าวเป้งลงไปได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เป็นที่พอใจจนสะเด็ดน้ำกันได้ นั่นจึงปรากฏข่าวบางพรรคการเมืองพากันกระโดดเข้าทำเนียบรัฐบาล ด้วยการพกเงื่อนไขขอเก้าอี้รัฐมนตรีที่ยังมี 2 ตำแหน่งของธรรมนัส และ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ยังว่างอยู่เป็นเครื่องตอบแทน แต่งานนี้คุยกับพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ก็จะได้คำตอบที่ชวนให้เคลิ้ม ทว่าด่านสำคัญอย่างน้องเล็กไม่มีทางเซย์เยสแน่นอน โดยเฉพาะพวกมาแบบกร่าง ๆ
ขณะที่ทางพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้หนักใจเท่าไหร่ โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยที่มีเสียงเหลือล้นจากบรรดาพวกฝากเลี้ยง และที่รับเงื่อนไขพลังดูดไปแล้ว เช่นเดียวกับพรรคเก่าแก่ที่รู้ทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี รอบนี้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลากกระเป๋าเข้าสภาอีก ฝ่ายที่รู้อยู่แล้วว่าจะต้องถูกโก่งราคากันอย่างหนัก จึงส่งชุดล่วงหน้าไปจัดการเจรจา ต่อรองกันแบบตัวต่อตัวไม่ผ่านคนกลาง นัยว่าทั้งเพื่อการันตีความปลอดภัยแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ จะถือเป็นการตรวจสอบข้อมูลของพวกเดียวกันด้วยว่า มีการมาล็อบบี้เพื่อให้เกิดการล้มกันกลางสภาด้วยหรือไม่ ในภาวะที่ความไว้เนื้อเชื่อใจไม่เหมือนเดิม แต่ละคนจึงยกการ์ดสูงกันเต็มที่