เพ้อฝัน?
วานนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ได้แต่นั่งจับเจ่าเหมือนคนไร้จุดหมาย เพราะต้องทนดูการเทรดหุ้นในลักษณะ “เปาะ ๆ แปะ ๆ” ตลอดทั้งวัน
*วานนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ได้แต่นั่งจับเจ่าเหมือนคนไร้จุดหมาย เพราะต้องทนดูการเทรดหุ้นในลักษณะ “เปาะ ๆ แปะ ๆ” ตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นการย้ำหัวหมุดว่า ตลาดหุ้นไทยยังไม่พร้อมขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แต่สุดท้ายดัชนีก็พุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,574.52 จุด บวกไป 15.31 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.47 หมื่นล้านบาทแบบงง ๆ พร้อมกับสร้างความอึดอัดใจกับแฟนคลับแบบนี้..เซ็งเป็ดสุด ๆ นะจะบอกให้
*ฉะนั้นอย่าได้แปลกใจที่ช่วงนี้ “โมนิก้า” มองสถานการณ์ใน “มุมลบ” มากกว่า “มุมบวก” รวมทั้งไม่เชื่อว่า การเด้งขึ้นของดัชนีเป็นการกลับทิศอย่างบูรณาการ เพราะของมันเห็นกันเต็มสองลูกตาอยู่แล้ว หรือแม้กระทั่งตื่นนอนขึ้นมาก็มีแต่เรื่องพลังงานแพง เดี๊ยนถึงมองไม่เห็นหนทางที่ระบบเศรษฐกิจไทยจะมีเงินสะพัด หลังมูลค่าเงินในกระเป๋านับวันจะลดลงไปเรื่อย ๆ ไงล่ะคะ
*ด้วยปัจจัยดังกล่าวทำให้เดี๊ยนมองเรื่องสัญญาณเทคนิคเป็นธงนำในการประเมินกรอบการเล่นแต่ละจุด และสิ่งที่เห็นในเวลานี้คือ ดัชนีอยู่ต่ำกว่าเส้นแนวรับทุกเส้น ไม่ว่าจะเป็นเส้น 10 25 75 และ 200 วัน ขณะที่สัญญาณเทคนิคตัวอื่น ๆ อย่างเช่น Modifeid Stochastic และ MACD รวมทั้ง RSI ล้วนตกอยู่ในสภาวะขายมากเกินไป จึงมีลุ้นเห็นดัชนีเด้งกลับขึ้นไปทดสอบเส้นแนวต้าน 25 วันตรงบริเวณ 1,595 จุดอีกครั้ง แต่จะไปถึงบริเวณดังกล่าวหรือไม่ ก็ขึ้นกับบรรยากาศตลาดหุ้นทั่วโลกเอื้อแค่ไหนด้วยนะจ๊ะ
*ขนาดพ่อดอกมะลิ JAS ยังถูกสาดทิ้งจนหัวคะมำ พร้อมกับแสดงอาการทรุดลงอีกแบบนี้ “โมนิก้า” เลยสงสัยว่า หุ้นจะทิ้งตัวลงไปที่โลว์เดิมบริเวณ 3.10 บาท เพราะมันเป็นจุดสตาร์ทของการเล่นในรูปแบบ W-Shape ผนวกกับการอ่อนตัวลงมาปิดที่ระดับ 3.54 บาท ลบไป 0.14 บาท หรือลงไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 871 ล้านบาท เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ต้องผ่านการเขย่าแรง ๆ อีกพักใหญ่ หุ้นถึงจะขึ้นไปใหม่พะยะค่ะ
*ประเด็นความกังวลที่มีต่อเรื่องกำลังซื้อของผู้บริโภคดูได้จากการอ่อนตัวของหุ้น CPALL ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา เพราะราคาหุ้นไหลลงจากระดับ 66 บาทอย่างช้า ๆ จนล่าสุดพยายามเด้งกลับขึ้นมาปิดบวก แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงยืนปิดที่ระดับ 60.00 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.41% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.25 พันล้านบาท มันคือภาพสะท้อนความจริงที่ชัดเจนสุดในภาวะ “ข้าวยากหมากแพง” เจ้าค่ะ
*ส่วนรายที่ทำให้รู้สึกเสียวตลอดเวลา “โมนิก้า” คงมองไปที่เจ้าพ่อสื่อสารอย่าง ADVANC หลังราคาหุ้นทำท่าอ่อนตัวหลุด 200 บาทตลอดเวลา และอาการลักษณะนี้ก็ตีความได้อย่างเดียวคือ “พวกฝรั่งไม่เล่น กองทุนไม่เอา” จึงต้องเดาเกมกันต่อไปว่า การยืนปิดที่ระดับ 201 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 0.99% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 820 ล้านบาท มันหมายความว่า แนวรับกำลังใกล้พังหรือเปล่า?..ลองไปคิดกันดูนะนายจ๋า!
*สำหรับรายที่หลุดแนวรับเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับทำสถิติ all time low แบบไม่คาดฝัน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น TIDLOR หลังปิดที่ระดับ 30 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 379 ล้านบาท พร้อมกับมีประเด็นที่ร่ำลือกันให้แซ่ดว่า ผลงานงวดนี้มีสิทธิ์ออกทะเลค่อนข้างสูง! ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้อยู่เต็มทรวงว่า ปีนี้หุ้นลิสซิ่งโดนผลกระทบหลายเด้ง ไม่ว่าจะเป็นที่ตัว “ลูกค้า” หรือ “ดอกเบี้ย” ก็โดนทุกดอกเจ้าค่ะ
*ส่วนรายที่กำไรสวยเลิศอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอย่าง TAPAC ก็ใช่ว่าจะสวยเหมือนในรูปที่โชว์สังคม เพราะเมื่อแกะดูเนื้อในจะเห็นว่า สาเหตุที่ทำให้กำไรโตเกิดจากการขายเงินลงทุน ส่งผลให้บริษัทบันทึกกำไรก้อนโตเข้ามาทันที แต่ถ้าตัดบันทึกในส่วนนี้ออกไปจะเห็นว่า ไม่โต! เดี๊ยนจึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นยืนปิดที่ 3.66 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 1.61% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 157 ล้านบาท ซึ่งทำให้ขาใหญ่อย่าง เฮีย.ไล้ ออกตัวลำบากในเกมนี้ไงล่ะคะ
*ประเด็นดังกล่าวเชื่อมโยงไปถึงหุ้นร้อนที่กลับมาโชว์แสงอย่าง ZIGA แบบเต็มข้อเลยทีเดียว เพราะการเด้งขึ้นพรวดพราดขึ้นมาปิดที่ระดับ 6.75 บาท บวกไป 1.40 บาท หรือขึ้นไป 26.17% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.92 พันล้านบาท ทำให้พวกพ้องที่เทรดคริปโตถึงกับอ้าปากค้าง เพราะเขามองกันว่า ราคาคริปโตน่าจะลงอีก! ซึ่งจะทำให้ “สายขุด” กับ “สายเทรด” กระเป๋าฉีกกันอีกรอบแน่ ๆ..งานนี้บอกได้แค่ว่า ลุกช้าจ่ายรอบวง..ไม่เชื่อถามก๊วน “ลือสกุล” นะตัวเอง