ของมันต้องมี!
ที่น่าสนใจคือ ปัญหาที่อเมริกาเป็นคนปั่นกระแสขึ้นมาใหญ่โต กำลังกลายเป็นสิ่งที่ทิ่มแทงตัวเองอย่างหนักหน่วง
*หลังจาก “โมนิก้า” ได้ระบายความในใจเกี่ยวกับปัญหามากมายที่ทุกคนรู้อยู่เต็มอกแบบ “หอมปาก หอมคอ” หมดแล้ว ก็ขออนุญาตเม้าท์ถึงท่าทีของหัวหน้าฝูงอย่าง “ไบเดน” อีกเล็กน้อย เพราะช่วงหลังเริ่มมีทีท่าที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลดภาษีสินค้าให้กับจีน เพื่อแก้ปัญหาข้าวของแพง หรือแม้กระทั่งเรื่องที่จะรีดเงินภาษีจากโรงกลั่นน้ำมัน ก็มีสุ้มเสียงที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้..เล่นละครเก่งนะเนี่ย
*ที่น่าสนใจคือ ปัญหาที่อเมริกาเป็นคนปั่นกระแสขึ้นมาใหญ่โต กำลังกลายเป็นสิ่งที่ทิ่มแทงตัวเองอย่างหนักหน่วง จนหลายคนเริ่มมองไปในทิศทางเดียวกันว่า ปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นเป็นเวลานาน และยังไม่มีท่าจะยุติในเร็ววัน น่าจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศอเมริกาชะลอตัว ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันลดอีกครั้ง และทำให้ปัญหาที่ทั่วโลกต้องเผชิญเริ่มคลี่คลายลงเล็กน้อยไงล่ะคะ
*เมื่อโมเมนตัมของปัญหาไม่รุนแรงมากขึ้นไปกว่าเดิม แถมหุ้นไทยก็ตกลงมาค่อนข้างเยอะ “โมนิก้า” จึงมองเป็นจังหวะของการเก็บของรอบใหม่ ซึ่งมีหุ้นหลากหลายประเภทให้นักเล่นได้เลือกช้อปตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นโรงไฟฟ้าที่คลายกังวลเรื่องต้นทุนพลังงาน และหุ้นปิโตรเคมีก็ได้รับอานิสงส์ดังกล่าวเต็ม ๆ รวมทั้งหุ้นอาหารก็ถือเป็นทีเด็ดสำหรับการลงทุนในยุคอาหารขาดแคลน ครอบคลุมถึงหุ้นเล็กที่มีสตอรี่เติบโตเป็นตัวบิ้วอารมณ์ด้วยนะจ๊ะ
*โดยเฉพาะในรายของ BGRIM ซึ่งอยู่ในช่วงของการตั้งลำ และทดสอบแรงขายไปพราง ๆ ถือเป็นช็อตที่ทำให้ “โมนิก้า” สนใจอย่างแรง เพราะราคาหุ้นซึมซับข่าวร้ายมาพอสมควร จึงน่าจะถึงเวลาขึ้นไปสร้างฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิมเสียที ผนวกกับเส้นแนวรับ 10 วัน กับ 25 วัน มารับตรงบริเวณ 34.50 บาทพร้อมกัน เดี๊ยนถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 35.75 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 304 ล้านบาทน่าสนเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ IVL ก็อยู่ในโหมดของการย่ำฐานเสริมความแข็งแกร่ง เพื่อทะยานขึ้นไปทดสอบยอดเดิมบริเวณ 52 บาทอีกครั้ง แถมเที่ยวนี้ได้เส้นแนวรับ 75 วันมาพยุงหุ้นที่บริเวณ 47 บาท “โมนิก้า” จึงมั่นใจว่า การยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 48.25 บาท คือจังหวะที่น่าลุ้นสำหรับคนที่เคาะสั้น ผนวกกับหุ้นเทรดบน PE 7.80 เท่า จึงไม่ต้องกังวลเรื่องดาวน์ไซด์นะจะบอกให้
*ส่วนหุ้นขายไก่ขายหมูอย่าง TFG กลายเป็นหุ้นที่มีการเม้าท์ถึงเยอะสุด ๆ ในหมู่นักเล่น เพราะหลายคนมองว่า กำไรปีนี้จะโตสุด ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาสงครามที่ยืดเยื้อเป็นเวลานาน ทำให้ราคาวัตถุดิบพุ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนกระบวนการผลิตอาหารเริ่มขาดแคลน รวมถึงการเกิดโรคระบาดในสัตว์หลายประเทศก็มีส่วนเช่นกัน แต่นั่นกลายเป็นโอกาสของบริษัทนี้เต็ม ๆ วานนี้จึงเป็นอีกวันที่หุ้นเดินหน้าขึ้นลูกเดียว จนขึ้นมาปิดที่ 6.55 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 353 ล้านบาทพะยะค่ะ
*สำหรับรายที่มีผลงานดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และไตรมาส 3 น่าจะมีข่าวดีออกมาซัพพอร์ตอีก “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นเลิฟอย่าง JMT แบบไม่ลังเลใจ เพราะการแกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ในกรอบ 70-75 บาทเหมือนเป็นการทดสอบ “แรงซื้อ แรงขาย” เพื่อรอจังหวะเทคตัวขึ้นสวย ๆ เดี๊ยนถึงมองราคาปิดที่ระดับ 74 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 776 ล้านบาท น่าสนใจสำหรับคนที่ถนัดเล่นรอบไงล่ะจ๊ะ
*ส่วนรายที่เละเทะสุด ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น NCAP แบบไม่ลังเลใจอีกเช่นกัน เพราะการไหลจากราคาสูงสุดของปี 65 ที่บริเวณ 10 บาทลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 5.30 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 1.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 178 ล้นบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 1 ปี 5 เดือน มันมีเสียงร่ำลือหนาหูว่า ขาใหญ่ที่ชื่อ เฮีย.อ เป็นคนปาหุ้นออกมา และเฮียคนนี้ก็เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยช็อตหุ้นอีกตัวเช่นกัน!..จริงหรือไม่ ลองถามก๊วนซินเน็คดูซิจ๊ะ..อิอิอิ
*ปิดท้ายกันที่ “หุ้นเล็ก ใจใหญ่” อย่างเช่น PSG กันดีกว่า เพราะการเซ็น MOU โครงการโรงไฟฟ้าน้ำตก หรือที่เรียกกันว่า “ปั๊มสโตเรจ” ทั่วประเทศลาว 214 แห่ง มันเหมือนเป็นการตอกย้ำโกรทของบริษัทจะเบ่งบานสุด ๆ ในปี 66-67 ขณะที่ปีนี้มีเรื่องรับเหมาเหมืองถ่านหิน 8 พันล้านตุนไว้ในกระเป๋า “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 1.08 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 5.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 166 ล้านบาท น่าจะเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการลงทุนยาว ๆ เจ้าค่ะ