ขึ้นไปปิดแก๊ป 1,630

การกลับเข้ามาซื้อของ “กองทุน” เมื่อสัปดาห์ก่อน และซื้อต่อเนื่องจนถึงวานนี้ ทำให้สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยดูดีขึ้นทันตาเห็น


*การกลับเข้ามาซื้อของ “กองทุน” เมื่อสัปดาห์ก่อน และซื้อต่อเนื่องจนถึงวานนี้ ทำให้สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยดูดีขึ้นทันตาเห็น (ฝรั่งหวนกลับมาซื้ออีก 1.67 พันล้าน) และส่งผลให้โมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยมีลุ้นขึ้นมาทันที เพราะสัญญาณเทคนิคที่เคยมีอาการ “คอตก” เริ่มเปลี่ยนไปเป็นการ “ผงกหัว” ผสานกับดัชนีเคยเปิดแก๊ปไว้ที่บริเวณ 1,630 จุดเมื่อไม่นานมานี้ จึงเชื่อว่าดัชนีจะทะยานขึ้นไปปิดแก๊ปอย่างเป็นทางการในไม่ช้านะจ๊ะ

*ที่น่าสนใจคือตลาดหุ้นไทยซึมซับรับข่าวร้ายมาเยอะพอสมควร และยังโดนกระแทกจากการขายของฝรั่งเป็นเวลานาน “โมนิก้า” เลยเชื่อในใจลึก ๆ ว่า ไม่น่าจะมีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว หลังแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาที่บริเวณ 1,550 จุดสามารถต้านแรงขายได้ค่อนข้างดี เดี๊ยนถึงคาดหวังการไต่เพดานบินที่สูงขึ้นแบบไม่กระดากใจ เพราะองค์ประกอบหลายอย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นไงล่ะคะ

*ประกอบกับวานนี้เห็นดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,580.20 จุด บวกไป 11.44 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.92 หมื่นล้านบาท จึงทำให้รู้สึกอุ่นใจมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน แถมระบบเศรษฐกิจที่เม้าท์กันว่า แย่เหลือเกิน? กลับเห็นผู้คนออกมาจับจ่ายใช้สอยแบบคลาคล่ำ รวมถึงจำนวนไฟลท์บินเข้าประเทศก็เพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย “โมนิก้า” ถึงมองว่า สถานการณ์ต่อจากนี้จะดีขึ้นเป็นลำดับ และน่าจะเล่นตามน้ำได้แล้วเจ้าค่ะ

*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงเจ้าพ่อถ่านหินอย่าง BANPU ขึ้นมาทันที เพราะไซเคิลของหุ้นออกไปในแนว W-Shape ในทิศทางขาขึ้น ผนวกกับเที่ยวนี้เห็นยอดเดิมอยู่แถว 13.50 บาท จึงมั่นใจในทันทีว่า การยืนปิดที่ระดับ 12.50 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 2.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.40 พันล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 5 เท่า กลายเป็นจุดที่เหมาะต่อการเคาะสั้น ๆ พับผ่าสิ!

*คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น SCGP ก็เป็นจุดที่เดี๊ยนย้ำกับนักเล่นก่อนหน้านี้ว่า การลงมาถึงโลว์เก่าแล้วเกิดอาการเด้งเร็ว มันเป็นจุดที่น่าวัดดวงสำหรับคนเล่นรอบ ซึ่งเที่ยวนี้มีสเต็ปแรกอยู่แถว 58 บาท และมีสเต็ปถัดไปอยู่ที่ 60 บาท “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 56.25 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 2.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 982 ล้านบาท น่าสนใจเหมือนที่เม้าท์ให้ฟังอ๊ะป่าว?

*ส่วนรายที่ต้องลุ้นหนักว่า จะขึ้นไปหาราคาเป้าหมายที่บริเวณ 120 บาทได้หรือไม่? เดี๊ยนคงโฟกัสไปที่หุ้นเครื่องดื่มชูกำลังอย่าง CBG เป็นรายถัดมา เพราะการขึ้นมาปิดที่ 110 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 835 ล้านบาท มาพร้อมกับสตอรี่ยอดขายกระเตื้องขึ้น ผสานกับแรงซื้อที่เข้ามาต่อเนื่องก่อนหน้านี้ มันทำให้ “โมนิก้า” เชื่อว่า เที่ยวนี้มีลุ้นจริง ๆ ถึงกระนั้นก็อยากเห็นหุ้นยืนปักหลักเหนือ 110 บาทให้ได้เสียก่อนเจ้าค่ะ

*บทเรียนข้างต้นดูได้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ TNPC หลังราคาหุ้นพยายามเทคตัวผ่านแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยา 3.50 บาทเป็นรอบที่ 3 แต่สุดท้ายทำได้แค่ขึ้นไปแตะบริเวณ 3.62 บาท ต่อจากนั้นรูดลงมาเรื่อย ๆ จนลงมาปิดที่ระดับ 3.28 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 6.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 532 ล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 10 เท่า ก็เป็นเรื่องท้าทายขาลุยมากเหลือเกิน เพราะเที่ยวนี้มาด้วยสตอรี่ซูเปอร์โกรทนะจะบอกให้

*ในเมื่อชอบความท้าทายเป็นทุนเดิม “โมนิก้า” ต้องมองไปที่หุ้นกาวเบอร์ต้นของประเทศอย่าง SELIC แบบเร่งด่วน เพราะการพุ่งพรวดขึ้นมาปิดที่ระดับ 3.12 บาท บวกไป 0.72 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 253 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ 3 เดือนยืนซึมอยู่ที่บริเวณ 2.40-2.60 บาท มันเป็นเกมที่ทำให้นักเล่นเสียวซ่านกันทุกคน แต่ด้วยสเต็ปการปิดไฮของวานนี้ จึงทำให้เชื่อว่า วันนี้น่าจะเล่นต่อพะยะค่ะ

*ปิดท้ายกันที่หุ้นร้อนอย่าง ARIN กันสักหน่อยดีกว่า เพราะข่าวเม้าท์ที่มาแรงแซงทุกโค้งต้องยกให้นายทุนใหม่ที่เข้ามาเซ้งกิจการอย่างเป็นทางการนั้น ว่ากันว่า คือเจ้าของอีวีรายใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งส่งตัวแทนเข้ามาไล่เก็บหุ้นในกระดานตั้งแต่กลางเดือน มี.ค. ซึ่งตอนนั้นราคาย่ำต๊อกแถว 2.20 บาท จนหุ้นขึ้นมาเรื่อย ๆ พร้อมกับขึ้นไปทำไฮเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนที่บริเวณ 7.20 บาท ขณะที่วานนี้อ่อนตัวลงมาปิดที่ 6.85 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 4.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 96 ล้านบาทแบบนี้..เขาว่ากันว่า เดี๋ยวจะเฉลยชื่อในเร็ว ๆ นี้ นะตัวเอง..อิอิอิ

Back to top button