พาราสาวะถี
สถานการณ์โควิด-19 ตัวเลขของผู้เข้ารับการรักษาที่พบว่าเดิมแนวโน้มลดลงต่อเนื่องจนต่ำกว่าสองหมื่นราย แต่วันนี้ขยับไปอยู่ที่เกือบ 24,000 ราย
สถานการณ์โควิด-19 เหมือนที่บอกไปเมื่อต้นสัปดาห์ว่าตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่ขยับขึ้นมาเล็กน้อย แต่น่าสนใจที่ตัวเลขของผู้เข้ารับการรักษาที่พบว่าเดิมแนวโน้มลดลงต่อเนื่องจนต่ำกว่าสองหมื่นราย แต่วันนี้ขยับไปอยู่ที่เกือบ 24,000 ราย นั่นหมายความว่า น่าจะมีสายพันธุ์ที่เปลี่ยนไปจากเดิม จึงทำให้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อและต้องเข้าสู่ระบบการรักษาขยับตัวสูงขึ้นมา แม้จะไม่มาก แต่นั่นอาจเป็นสัญญาณที่ทำให้ประชาชนตื่นตระหนกได้
เรื่องนี้ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ตั้งโต๊ะแถลงข่าวยอมรับว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในบางจังหวัด จำนวนผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยที่ใส่เครื่องช่วยหายใจมีรายงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ระบบสาธารณสุขมีการเตรียมความพร้อมสามารถรองรับได้ทั้งเตียง แพทย์ ยา และเวชภัณฑ์ ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก รักษาสุขภาพให้แข็งแรง และปฏิบัติตามมาตรการ 2 U คือ การป้องกันตัวเองแบบครอบจักรวาล และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือบูสเตอร์ โดส
เป็นการแจ้งเตือนประชาชนตามสไตล์หมอการเมือง ที่จะต้องพ่วงเงื่อนไขหลายประการ โดยเฉพาะการป้องกันตัวเองของประชาชนเป็นด้านหลัก หรือพูดให้ชัดคือแม้จะมีการผ่อนคลายมาตรการให้ดำเนินกิจกรรม กิจการต่าง ๆ เกือบเป็นปกติแล้ว แต่ประชาชนยังต้องตั้งการ์ดสูงเหมือนเดิม ความจริงควรจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ เหมือนอย่าง นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก
หมอยงอธิบายถึงตัวเลขการติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นว่า หลังจากนักเรียนเปิดเทอม โควิด-19 ก็ได้มีการระบาดเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วง 2 อาทิตย์หลังนี้มีผู้ป่วยจำนวนมาก ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง โดยเฉพาะในเด็ก ขณะที่เรื่องการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ จะเห็นได้ชัดว่าแต่ละสายพันธุ์จะครองพื้นที่อยู่ไม่นาน สายพันธุ์โอมิครอนเปลี่ยนจาก BA.1 มาเป็น BA.2 และในเดือน มิถุนายน สายพันธุ์ BA.2 กำลังจะถูกแทนที่ด้วยสายพันธุ์ BA.5
โดยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ สายพันธุ์ BA.5 กำลังจะยึดพื้นที่ทั้งหมดแทน BA.2 ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ การระบาดจะเพิ่มขึ้นเป็นระลอก สิ่งที่หมอการเมืองไม่ยอมบอก หรือเลี่ยงที่จะอธิบายให้ประชาชนได้เข้าใจ ทั้งที่เป็นประเด็นซึ่งไม่ได้น่าหวาดวิตกแต่อย่างใด เหมือนที่หมอยงอธิบายเพิ่มเติมว่า สายพันธุ์ BA.5 เป็นสายพันธุ์ที่หลบหลีกภูมิต้านทานของวัคซีนได้สูงขึ้นไปอีก จึงไม่แปลกที่ฉีดวัคซีนแล้วมีโอกาสติดโรคได้ อย่างไรก็ตาม อาการของโรคที่ผ่านมา ก็ไม่ได้รุนแรง
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่หมอยงยืนยันว่า ถ้านับจำนวนทั้งหมดของผู้ติดเชื้อ ขณะนี้น่าจะอยู่ที่หลายหมื่นคนมากกว่ายอดที่รับไว้ในโรงพยาบาลที่กระทรวงรายงานหลายสิบเท่า มันไม่ได้เป็นสิ่งที่จะต้องมากลัวเรื่องการเสียหน้า หรือจะทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่พอใจ เพราะ ศบค.ได้ผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ไปจนเกือบจะปกติแล้ว เนื่องจากแม้ตัวเลขติดเชื้อจะสูงแต่สิ่งที่หมอยงบอกและเป็นเรื่องที่ดีนั่นก็คือ อัตราการเสียชีวิตขณะนี้น่าจะน้อยกว่า 0.1 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ติดเชื้อ และผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ก็ยังเป็น 608 และผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบ 3 เข็ม
การอธิบายให้เข้าใจกันจนเห็นภาพแบบนี้ มันจะไปช่วยขยายผลในเรื่องของการรณรงค์ให้ประชาชนตื่นตัวในการจะไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นมากขึ้น เพราะสถิติที่ออกมามันบ่งชี้ชัดเจนว่าวัคซีนช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ ทำให้การระบาดที่ขึ้นสูงขณะนี้ผู้ป่วยสามารถดูแลรักษาที่บ้านได้เป็นจำนวนมาก รวมไปถึงแนวโน้มการระบาดเวลานี้ ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าอยู่ในฤดูกาล และจะระบาดต่อไป ตามที่หมอยงคาดการณ์ คือ จนถึงเดือน สิงหาคม จึงจะค่อย ๆ ลดลง ประชาชนส่วนใหญ่ก็จะติดเชื้อไปเป็นจำนวนมาก
เรื่องการติดเชื้อจำนวนมากนั้นไม่น่าเป็นห่วง หากประชาชนได้รับวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็มขึ้นไป จะเป็น 4 เข็มหรือ 5 เข็มก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาห่างของเข็มสุดท้ายว่าฉีดมาแล้วนานเท่าไหร่ การชี้แจงในลักษณะนี้ต่างหากที่ทาง ศบค.หรือกระทรวงสาธารณสุขจะต้องเร่งทำในช่วงนี้ เมื่อรู้แล้วว่ามีสายพันธุ์ที่เปลี่ยนแปลง และต้องอาศัยการป้องกันตัวเองของประชาชนเป็นหลัก ก็ต้องประชาสัมพันธ์เน้นกันจุดนี้ คนจะได้การ์ดไม่ตก หลังจากที่พบว่าเมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น จะพบว่าคนจำนวนไม่น้อยเริ่มจะไม่ตระหนักกับการป้องกันตัวเองเหมือนที่ผ่านมา
ปมปลดล็อกกัญชาโดยที่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมมารองรับบนความห่วงใยของหลายภาคส่วน ล่าสุด ก็เป็นกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่มีการขายกัญชาอย่างเสรีโจ่งแจ้ง โจ๋งครึ่มกันบนถนนข้าวสาร ตรงนี้ชัดเจนว่าไม่ได้เป็นการตอบโจทย์เจตนารมณ์ของผู้คิดนโยบายเพื่อที่จะนำไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์อย่างแน่นอน คำถามก็คือแล้วจะมีการควบคุมกันอย่างไร การออกกฎกระทรวงมาใช้บังคับเบื้องต้นไม่น่าจะเพียงพอ หลายคนกังวลผลกระทบ รูปแบบต้องให้ชัดเจน ฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงต้องชี้แจงให้ชัดเจน ไม่ใช่ตะบี้ตะบันอ้างว่ารอให้กฎหมายมีผลทุกอย่างจะอยู่ในกรอบ ในเกณฑ์อย่างแน่นอน ซึ่งอาจช้าเกินไป
ออกลูกขึงขังแต่ต้องรอดูวันยกมือโหวตหลังเสร็จซักฟอก สำหรับ ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่พูดออกมานั้นคนส่วนใหญ่เห็นด้วย คนที่เป็นผู้นำประเทศหรือรัฐมนตรีที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชน ต้องตั้งคำถามว่า ประชาชนมีความสุขหรือไม่ ประชาชนเดือดร้อนหรือไม่ ธุรกิจระดับตั้งแต่ฐานรากจนถึงระดับกลางมีความสุขหรือไม่ ข้าวยากหมากแพงหรือไม่ ชาวบ้านบ่นทั้งเมือง รัฐบาลอาจมีความมั่นใจว่าเสียงส่วนใหญ่ยังสนับสนุนในสภา แต่การบริหารราชการแผ่นดินที่สภาสะท้อนให้เห็นว่าล้มเหลว
เป็นจริงอีกเช่นกันที่รัฐมนตรีจำนวนไม่น้อย รวมไปถึงผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่มองว่าตัวเองทำผลงานสำเร็จ ทำโน่นทำนี่ทำเยอะ แต่ผลของการกระทำที่อ้างนั้นประชาชนได้ประโยชน์อะไรบ้าง เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า “อย่านั่งในห้องแอร์แล้วมโนเองว่าบริหารบ้านเมืองสำเร็จ” ต้องดูว่าผลของการกระทำเกิดประโยชน์กับชาติบ้านเมือง และประชาชนหรือไม่ สิ่งเหล่านี้มันเป็นเสียงที่ประชาชนสะท้อนผ่าน ส.ส.ซึ่งธรรมนัสน่าจะรับรู้เป็นอย่างดีในฐานะคนที่ลงพื้นที่ต่อเนื่อง แต่อยู่ที่ผู้มีอำนาจว่าสำเหนียกหรือไม่