ระดับ ‘ไชยวรรณ’ ยังไงต้อง SET50

กระแสตอบรับไอพีโอ “ไทยประกันชีวิต” หรือ TLI คงจะไม่อุ่นหนาฝาคั่งเท่ากับที่เป็นอยู่ตอนนี้ หากไร้เรื่องเกณฑ์ “ฟาสแทรค” เข้า SET50 มาเป็นเดิมพัน


กระแสตอบรับไอพีโอ “ไทยประกันชีวิต” หรือ TLI คงจะไม่อุ่นหนาฝาคั่งเท่ากับที่เป็นอยู่ตอนนี้ หากไร้เรื่องเกณฑ์ “ฟาสแทรค” เข้า SET50 มาเป็นเดิมพัน

ด้วยธรรมชาติวิสัยของนักลงทุน มักจะระแวดระวังตัวเป็นพิเศษท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นขาลงที่มองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยปัจจัยกดดันด้วยกันทั้งสิ้น

เช่นเดียวกับการเป็น “ไอพีโอขนาดใหญ่” ที่โดยปกติแล้วไม่ค่อยจะสร้างความประทับใจให้กับนักเก็งกำไรระยะสั้นเท่าไหร่นัก หรือแม้กระทั่งเป็นการลงทุนระยะกลางขึ้นไป หุ้นอย่าง AWC ก็คงพอให้คำตอบได้เลา ๆ

ส่วนใหญ่เป็นประเภท ได้กระแสตอนเริ่ม…แต่ไม่ได้ใจตอนจบ

ขณะเดียวกัน เมื่อสำรวจดูโครงสร้างไอพีโอ ปรากฏพบว่ามีสัดส่วนของ “หุ้นเก่า” ถูกนำมาปัดฝุ่น มากกว่าการออก “หุ้นใหม่”

ประเด็นนี้ก็ทำให้หลายต่อหลายคนต้องเกิดอาการฉุกคิดก่อนตัดสินใจจองหุ้น TLI เพราะกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยไอพีโออย่าง TIDLOR ที่แม้จะเปิดตัวได้ดี แต่ปัจจุบันพบว่าเป็น “โรคต่ำจองเรื้อรัง”

จำนวนไอพีโอเสนอขายทั้งสิ้นคือ 2,155,068,900 หุ้น แบ่งเป็นหุ้นเก่าจาก “วี.ซี. สมบัติ” จำนวน 1,166,575,300 หุ้น และ “Her Sing (H.K.) จำนวน 138,493,600 หุ้น

ส่วนหุ้นที่ออกใหม่ในลักษณะของการเพิ่มทุน มีอยู่จำนวน 850,000,000 หุ้น และอาจมีการเอาหุ้นเก่าจาก “Her Sing” ออกมาขายเป็น “กรีนชู ออพชั่น” เพิ่มเติมอีก 161,630,000 หุ้น หากว่ามีการจองหุ้นกันเข้ามาอย่างล้นหลาม

ฉะนั้นที่ราคาไอพีโอ 16 บาท เท่ากับมูลค่าขายจะอยู่ที่ 3.45 หมื่นล้านบาท หรือกรณีมีกรีนชูฯ จะอยู่ที่ 3.71 หมื่นล้านบาท

โดยผู้ที่ขายหุ้นเก่าออกมา ประกอบด้วยสมาชิกตระกูล “ไชยวรรณ” 6 ท่าน และ “มาลากุล ณ อยุธยา” อีก 1 ท่าน ซึ่งร่วมกันเป็นเจ้าของวี.ซี.ฯ ในไทย และ Her Sing ที่ฮ่องกง จะแคชเอ้าท์ออกไปประมาณ 2.09-2.35 หมื่นล้านบาท

แต่บริษัท คือ TLI จะได้รับเงินทุนเข้ามาเพิ่มเติมแค่ 1.36 หมื่นล้านบาท เท่านั้น

อย่างไรก็ดี มีคำอธิบายว่าบริษัทฯต้องการเพิ่มสัดส่วนการถือครองของรายย่อย หรือ “โฟลต” มากขึ้น และเช่นกันว่าไม่ได้ต้องการเงินทุนเพิ่มสักเท่าไหร่ ก็เลยเป็นที่มาของสูตรการปรุงไอพีโอตามที่กล่าวถึงข้างต้น

ทีนี้กลับมาดูไฮไลท์สำคัญ ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันเฟิร์สเดย์เทรด หรือวันแรกของการเข้าซื้อขายในตลาดรองช่วงกลางเดือนนี้

เงื่อนไขสำหรับการเข้าดัชนี SET50 ด้วยเกณฑ์ฟาสแทรคจะใช้ราคาปิด ณ วันแรกของการซื้อขายในตลาดรองของหุ้น TLI เพื่อคำนวณมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ Market Capitalization

จากนั้นจึงมาดูว่าตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนเท่ากับหรือเกินกว่า 1% ของมาร์เก็ตแคปฯ ตลาด และ/หรือ จะมีมูลค่าสูงพอติด 20 อันดับแรกของบรรดาหุ้น SET50 ทั้งหมดหรือไม่

แค่อยู่ในเงื่อนไขเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่ง หุ้น TLI ก็จะถูกบรรจุเข้าคำนวณ และเริ่มมีผลในอีกประมาณ 3 วันทำการให้หลัง

ยึดโยงจากดัชนี ณ ราคาปิดล่าสุด (1 ก.ค.) มาร์เก็ตแคปรวมอยู่ที่ราว 18.79 ล้านล้านบาท ถ้าคำนวณสัดส่วน 1% “แมจิคนัมเบอร์” จะอยู่ที่ 1.88 แสนล้านบาทโดยประมาณ

ขณะที่สำรวจดูหุ้น SET50 ที่มีมาร์เก็ตแคปฯอยู่ระหว่างอันดับ 18-22 ไล่เรียงออกมาดังนี้

“SCGP” อยู่ที่ 2.39 แสนล้านบาท “BAY” 2.37 แสนล้านบาท “INTUCH” 2.20 แสนล้านบาท “KTB” และ “CPF” ไล่เลี่ยกันที่ประมาณ 2.19 แสนล้านบาท

ส่วนมาร์เก็ตแคปฯ ของ TLI ณ ราคาไอพีโอที่ 16 บาทต่อหุ้น คูณด้วยจำนวน 11,450 ล้านหุ้น เท่ากับ 183,200 ล้านบาท

นั่นเองหมายถึงกรณีใช้เกณฑ์ที่ 1 ราคาปิดของหุ้น TLI จะต้องขยับเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 41 สตางค์ต่อหุ้น หรือนับขึ้นไป 4-5 ช่องจาก 16 บาท เพื่อให้ได้สัดส่วน 1% ของมาร์เก็ตแคปฯรวมแบบเป๊ะ ๆ

หรือกรณีใช้เกณฑ์ที่ 2 ซึ่งค่อนข้างจะหนักหน่วง เพราะยังมีงานต้องปั๊มมาร์เก็ตแคปฯ อีกอย่างน้อย ๆ คือ 3.68 หมื่นล้านบาท ให้เทียบเท่ากับ INTUCH ในอันดับ 20 คิดเป็นส่วนเพิ่มจากไอพีโอราว 3.21 บาทต่อหุ้น พูดให้ง่ายเลยคือราคาวันแรกต้องปิดเฉียด 20 บาท

ทั้งหมดนี้เป็นการคำนวณทางคณิตศาสตร์คร่าว ๆ และอ้างอิงข้อมูลการซื้อขายล่าสุดของวันที่ 1 ก.ค. เท่านั้น ส่วนที่จะใช้เป็นตัวชี้วัดได้จริง คือตัวเลขความเคลื่อนไหวของตลาดในวันแรกที่ TLI เข้ามาเทรดแล้ว

สรุปคือนับจากวันนี้ไปจนถึงเฟิร์สเดย์เทรด หากว่าดัชนีปรับตัวลง ซึ่งหมายถึงหุ้นบิ๊กแคปโดยรวมมีมูลค่าลดลง ก็จะเป็นผลดีต่อ TLI ในแง่ของโอกาสต่อการเข้า SET50 ที่สูงขึ้น

แต่อย่าลืมว่านั่นก็หมายถึงความจำเป็นของราคาหุ้นที่ต้องปรับตัวสูงขึ้นในวันแรกก็จะลดน้อยลงเช่นกัน

ฉะนั้นถ้าจะให้ดีและลุ้นสนุก ดัชนีต้องขยับขึ้นไปอยู่ในระดับสูงกว่าปัจจุบัน!

แล้วค่อยปล่อยให้บรรดา “เอ็มเอ็ม” หรือมาร์เก็ตเมกเกอร์ ซึ่งเป็นลีดอันเดอไรท์เตอร์ 5 เจ้า โคอันเดอไรท์ฯ อีก 8 เจ้า รวมถึงกองทุนต่าง ๆ ที่เก็งเรื่องเข้า SET50 ได้ระดมองคาพยพมาโชว์ฝีมือกันอย่างเต็มที่

กระนั้นยังแอบแปลกใจอยู่เล็กน้อยว่า ในบรรดากองทุนที่ตบเท้ามาจองซื้อ TLI กันอย่างคับคั่ง แต่กลับไม่ปรากฏพบชื่อ บลจ.บัวหลวง ซึ่งเป็นกองทุนระดับตั่วเจ้ตั่วเฮียของวงการมาร่วมแจมด้วย ไม่รู้เพราะคิดว่าแพงไปหรือเปล่า

แต่เอาเถิด! ระดับ “ไชยวรรณ” ซะอย่าง งานนี้ถ้าเข้า SET50 ไม่ได้ มันคงจะเสียหน้าจนเกินไปล่ะหน่า…

Back to top button