TU สะดุดตอ.!
งงกันเป็นไก่ตาแตก..!! กับกรณีหุ้นปลาทูน่ากระป๋อง TU ที่ราคาถอยหลังลงคลองเรื่อย ๆ โดยในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทิ้งดิ่งลงมากว่า 10%
งงกันเป็นไก่ตาแตก..!! กับกรณีหุ้นปลาทูน่ากระป๋อง บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ที่ราคาถอยหลังลงคลองเรื่อย ๆ โดยในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทิ้งดิ่งลงมากว่า 10%
ทั้ง ๆ ที่ในแง่ปัจจัยพื้นฐานก็เหมือนจะดีนะ เพราะตลาดอเมริกาและยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลักของ TU ก็ฟื้นตัวตัวเนื่อง ตามสถานการณ์โควิดที่ค่อย ๆ ดีขึ้น…
แถมยังได้ปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนยวบยาบ จนทะลุ 35 บาทไปแล้วด้วยหนา…
ดู ๆ ไปก็มีแต่เรื่องราวดี ๆ นะ…แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับหุ้นปลาทูน่ากระป๋องตัวนี้กันละเนี่ย..?
อ้อ…ที่แท้ TU มาสะดุดตอตรงที่ต้องบันทึกรายการพิเศษ 2 ก้อนใหญ่ในไตรมาส 2/2565 นั่นเอง…เริ่มจากก้อนแรก ต้องบันทึกขาดทุนจากการปิดโรงงานอาหารกระป๋อง Rugen Fisch ในเยอรมนีราว 250 ล้านบาท
ส่วนอีกก้อน เป็นการบันทึกขาดทุนจากการวัดมูลค่าเงินลงทุนใน Preferred Shares ของ Red Lobster เข้ามาราว 600 ล้านบาท (เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น ส่งผลต่อมูลค่าของตราสารที่ถืออยู่)
สองก้อนนี้รวมกัน ก็ปาไปเกือบพันล้านแล้วนะ..!?
นั่นหมายความว่า งบไตรมาส 2/2565 ของ TU ต้องดูไม่จืดแน่ ๆ…
จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นหุ้น TU ไหลรูดอย่างนี้…
แต่จะว่าไปเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่นะ ก่อนหน้านี้นักลงทุนก็พอระแคะระคายกันมาบ้าง แค่ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนเท่านั้น ครั้นพอได้เห็นตัวเลขชัดเท่านั้นแหละ ก็วงแตกสิคร้าบบบ เลยพร้อมใจกันเทหุ้น TU กันแบบไม่สนใจใยดี…
แหม๊…อุตส่าห์คาดหวังว่าไตรมาส 2 จะแก้มือได้ซะอีก หลังจากงบไตรมาสแรกปีนี้ออกมาไม่ค่อยน่าอภิรมย์ เพราะแม้จะมีตัวเลขยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 36,272 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 31,125 ล้านบาท
แต่พอไปดูตัวเลขบรรทัดสุดท้าย กำไรสุทธิลดลง 3.2% อยู่ที่ 1,746 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,803 ล้านบาท
คราวนี้ดันมาสะดุดตอรายการพิเศษจนหัวทิ่มอีก…
น่าผิดหวังจัง..!!
แถมนักวิเคราะห์หลายสำนัก ยังพร้อมใจกันออกมาสำทับอีกว่า ผลการดำเนินงานของ TU ในไตรมาส 2/2565 จะลดลงจากไตรมาสก่อนราว 20-30% และลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 30-50%…ถ้าสำนักไหนโลกสวยหน่อย ก็มองว่าจะมีกำไรสุทธิราว 1.46 พันล้านบาท ส่วนสำนักไหนที่มองร้ายหน่อย จะเหลือกำไรแค่ 1.21 พันล้านบาทเท่านั้น
ส่วนกำไรทั้งปีมองไว้ที่ 6.41-6.70 พันล้านบาท พร้อมปรับคำแนะนำเป็น “ถือ” ราคาเป้าหมายสูงสุด 19 บาท
สงสัยปีนี้จะเป็นปีชงของ TU แหง ๆ…
“เฮียธีรพงศ์ จันศิริ” คงต้องหาวิธีแก้ชง…อุ๊ย แก้เกมธุรกิจแล้วล่ะ..?
เพราะถ้าปล่อยให้ผลงานพลาดเป้าบ่อย ๆ คงไม่ดีหรอกมั้ง…
เดี๋ยวจะกลายเป็นวิกฤตศรัทธา…ไม่รู้ด้วยนะ
…อิ อิ อิ…