เดือนนองเลือด

อันที่จริง “โมนิก้า” เป็นคนมองโลกแง่บวกเป็นส่วนใหญ่ และชอบมองทุกอย่างบนความจริง เพราะทำให้เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างชัดเจน


*อันที่จริง “โมนิก้า” เป็นคนมองโลกแง่บวกเป็นส่วนใหญ่ และชอบมองทุกอย่างบนความจริง เพราะทำให้เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างชัดเจน และสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ ณ ตอนนั้นได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ทำให้เห็นว่า เดี๊ยนคิดดีไม่ได้เลยพับผ่าสิ! เพราะในทุก ๆ วันที่ลืมตาขึ้นมา ก็เจอแต่เรื่องราวอึดอัดใจ จนหนทางที่เคยสว่างสดใสเริ่มริบหรี่ลงเรื่อย ๆ ไงล่ะคะ

*โดยเฉพาะมรสุมลูกใหญ่ที่ถาโถมใส่ตลาดหุ้นตั้งแต่ยังไม่เปิดเทรด มันกลายเป็นตัวแปรที่ทำให้การลงทุนไม่ราบรื่นเอาเสียเลย ไล่ตั้งแต่เรื่องโควิดรอบใหม่ที่ลือสนั่นหวั่นไหวว่า ยอดติดเชื้อต่อวันพุ่งขึ้นไประดับ 5 หมื่นคน พอเปิดเทรดปุ๊บก็เจอเรื่องเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 7.66% โดยก่อนหน้านี้อยู่ในระดับ 7.10% ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าที่หลายคนประเมินไว้ และกลายเป็นแรงกดดันสำหรับการลงทุนในทันทีนะจ๊ะ

*ประกอบกับเรื่องน้ำมันแพงยังตามหลอกหลอนไม่เลิก รวมถึงกำลังซื้อที่ส่อแววลดลงต่อเนื่อง ก็กลายเป็นประเด็นที่ทำให้นักลงทุนสถาบันสาดหุ้นออกมาไม่หยุดเสียที จนวานนี้ดัชนีทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,541.30 จุด ลบไป 18.97 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.67 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” จึงรู้สึกสังหรณ์ใจว่า แนวรับสำคัญทางจิตวิทยาที่ระดับ 1,500 จุดมีสิทธิ์ที่จะเอาไม่อยู่? เพราะหลายเรื่องยังมะรุมมะตุ้มกันอยู่เลยจ้า!

*ขนาดน้องแบมมีข่าวดีผุดออกมาให้เห็นเป็นระลอก สุดท้ายก็ต้านไม่ไหวอยู่ดี วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้น BAM ไหลลงมาเรื่อย ๆ ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 16.40 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 471 ล้านบาท แถมจวนเจียนจะลงไปหาโลว์เดิมที่บริเวณ 15.80 บาท ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 2 ส.ค. 64 แบบนี้ มันทำให้เดี๊ยนรู้สึกหนักใจมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวนะจะบอกให้

*เช่นเดียวกับในรายของหุ้นประกันชีวิต BLA ก็มีหลายคนพูดไปในทางเดียวกันว่า นี่คือตัวเลือกที่น่าสนใจในภาวะเช่นนี้! แต่เอาเข้าจริงกลับวิ่งวนในกรอบ 37-45 บาทเป็นเวลานานถึง 6 เดือน และอยู่ในอาการขึ้น ๆ ลง ๆ มาทั้งหมด 3 รอบ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 38 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 1.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 231 ล้านบาท เหมาะต่อการช้อนซื้อหรือยังพะยะค่ะ

*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงหุ้นโรงแรมอย่าง CENTEL ขึ้นมาในทันที เพราะการย่อตัวลงมาใกล้แนวรับสำคัญบริเวณ 39 บาท ก่อนจะปิดที่ระดับ 41.50 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 299 ล้านบาท มันทำให้หุ้นตัวนี้โดดเด่นในแง่ของการเล่นสั้นขึ้นมาในทันที แต่ถ้ามองในมุมของโควิดระบาดระลอกใหม่ที่เกิดขึ้น ก็ทำให้เดี๊ยนต้องใส่เกียร์ถอยเต็มตัวในทันทีเช่นกัน..คุณ ๆ ท่าน ๆ ว่าจริงไหม?

*คล้ายกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้น DOHOME ก็ถูกพวกกองทุนรินขายออกมาต่อเนื่อง จนวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 14.90 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 3.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 194 ล้านบาท คือภาพสะท้อนที่ชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนยังกังวลกับกำลังซื้อที่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งจะกระทบกับความสามารถในการทำกำไรของบริษัท จึงเลือกใช้วิธีขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงตลอดเวลา จนหุ้นมีสิทธิ์กลับไปตั้งต้นแถวแนวรับ 12 บาทค่อนข้างสูงไงล่ะคะ

*เรื่องดังกล่าวเชื่อมโยงกับหุ้นบัตรเครดิต KTC แบบเต็ม ๆ เพราะผลกำไรของบริษัทผันแปรตามภาวะเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของผู้คนแบบมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” จึงรู้สึกเฉย ๆ ที่เห็นราคาหุ้นย่อตัวลงมาที่โลว์เดิมบริเวณ 52 บาทอีกรอบ เพราะของมันเห็นกันเต็มตาโต ๆ ว่า ไม่มีสตอรี่ที่จะทำให้หุ้นไปต่อ! และการลงมายืนปิดที่ระดับ 53.75 บาท ลบไป 2.75 บาท หรือลงไป 4.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1 พันล้านบาท จึงเป็นทางออกที่สุดสำหรับภาวะเช่นนี้นะคะ

*ส่วนรายที่น่าเป็นห่วงสุด ๆ “โมนิก้า” คงชี้เป้าไปที่หุ้น THANI หลังราคาหุ้นรูดหลุดแนวรับ 4 บาทอย่างรวดเร็ว และเต็มไปด้วยแรงขายที่อัดแน่นสุด ๆ เดี๊ยนจึงไม่มั่นใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 3.70 บาท ลบไป 0.18 บาท หรือลงไป 4.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 142 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 12 เท่า ใช่จุดต่ำสุดของการลงเที่ยวนี้หรือเปล่า? เพราะเรื่องที่ค้ำคอหุ้นลิสซิ่งทุกตัวตอนนี้คือ กำไรวูบน่ะซี

Back to top button