งัดหุ้นเปิดเมือง

เมื่อวานนี้ดัชนี SET ผันผวนตลอดวัน ระหว่างวันอยู่ในแดนบวกและลบสลับกันไป ทว่า เมื่อปิดตลาดกลับสามารถยืนแดนบวกได้ +0.49 จุด


เมื่อวานนี้ดัชนี SET ผันผวนตลอดวัน

ระหว่างวันอยู่ในแดนบวกและลบสลับกันไป

ทว่า เมื่อปิดตลาดกลับสามารถยืนแดนบวกได้ +0.49 จุด ปิดเหนือแนวรับเฉียดฉิว 1,541.79 จุด

มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นมานิดหน่อยกว่า 72,117 ล้านบาท

ก่อนที่ตลาดหุ้นจะปิดทำการวานนี้

คาดว่านักลงทุนต่างชาติต้องขายแน่นอน เพราะค่าเงินบาทอ่อนต่อเนื่อง

และฝั่งกองทุนน่าจะซื้อสุทธิ

ปรากฏว่าผิดคาดอย่างสิ้นเชิง เมื่อนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ (SET) กว่า 2,215 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันกลับเป็นฝั่งขาย 865 ล้านบาท เช่นเดียวกับรายย่อย

ประเด็นที่น่าสนใจคือ หุ้นกลุ่มเปิดเมือง ถูกงัดขึ้นมาเล่นในช่วงท้ายตลาด

ทั้ง AOT MINT CPALL BH BDMS

หากดูกราฟรายชั่วโมงของวานนี้ จะพบว่า หุ้นเหล่านี้ ถูกดันขึ้นในช่วงเปิดตลาดภาคบ่าย

และถูกดันมากขึ้นในช่วงท้ายตลาดและ ATC

ความน่าสนใจและอาจจะต้องระวัง คือ เงินบาทที่อ่อนค่า เรามักจะเห็นต่างชาติเป็นฝั่งขาย

ส่วนครั้งนี้กลับเข้ามาซื้อ

จึงไม่แน่ใจว่าเป็นกลเกมในตลาดหุ้นของฝั่งต่างชาติหรือไม่

เช่น ดัน SET ขึ้นมา ให้รายย่อยตามเพื่อไปปล่อยข้างบน เพราะล่าสุด ตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามา และยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอย

และอาจรวมถึงเศรษฐกิจของไทยด้วย

หรือหากมองในด้านบวก ต่างชาติอาจจะประเมินแล้วว่า ค่าเงินบาทของไทยไม่น่าจะอ่อนค่าลงไปจากปัจจุบันแล้วล่ะ

ถามว่าจริง ๆ แล้วหุ้นกลุ่มเปิดเมืองยังเข้าลงทุนได้หรือเปล่า

เท่าที่ได้ข้อมูลจากนักวิเคราะห์ ส่วนใหญ่แนะนำซื้อ เมื่อราคาย่อตัวลงมา

โดยที่ผ่านมาราคาหุ้นในกลุ่มนี้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่อง ทำให้เหลืออัพไซด์ค่อนข้างจำกัด

หากราคาย่อตัวลงมา ใช้จังหวะนั้นเล่นแบบ “เก็งกำไร” ไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์ของนักท่องเที่ยวว่าจะเข้ามาในจำนวนที่คาดหรือมากกว่าคาดการณ์หรือไม่

เพราะล่าสุด การระบาดของโควิดรอบใหม่ อาจจะทำให้การเดินทางมาท่องเที่ยวเกิดความชะงักลงไปบ้าง

หุ้น “กลุ่มโรงไฟฟ้า” ที่ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง มีการเข้ามาเก็งกำไรอย่างมากเช่นกันในช่วงนี้

แต่มีคำแนะนำจากนักวิเคราะห์เช่นกัน

ให้เล่นแบบ “เก็งกำไร”

เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังมีความผันผวนสูง

บางวันราคาอาจจะกระโดดกลับขึ้นมาได้

และจะเป็นเซนติเมนต์เชิงลบกับหุ้นโรงไฟฟ้าเหล่านี้

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ แนวรับยังอยู่ 1,540-1,530 จุด และระดับ 1,540 จุด เหมือนเป็นระดับจิตวิทยา

แนวต้าน 1,550 จุด ยากที่จะผ่าน

ส่วนกลางสัปดาห์นี้หุ้นในกลุ่มธนาคารเริ่มแจ้งผลประกอบการ ตามมาด้วย เช่น DTAC SCC PTTEP และจะมีอีกหลายหุ้นทยอยประกาศออกมา

ต้องจับตา และหาข้อมูลดูว่า มีหุ้นตัวไหนบ้างที่ไตรมาส 2/65 กำไรน่าจะเติบโตก้าวกระโดด

และน่าจะเป็นจังหวะเข้าไปเก็งกำไรได้

Back to top button