พาราสาวะถี

ปรากฏการณ์ชัชชาติที่เกิดขึ้น ฝ่ายสืบทอดอำนาจอาจปลอบใจตัวเองด้วยเหตุผลว่า ที่คะแนนของคนกรุงเทพฯ เทให้ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.เพราะความนิยมส่วนตัว


ปรากฏการณ์ชัชชาติที่เกิดขึ้น ฝ่ายสืบทอดอำนาจอาจปลอบใจตัวเองด้วยเหตุผลว่า ที่คะแนนของคนกรุงเทพฯ เทให้ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.เพราะความนิยมส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายเผด็จการ หรือฝ่ายเอากับไม่เอาประยุทธ์ หากแต่เมื่อย้อนกลับไปดูผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 ที่ชัยชนะตกเป็นของผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยแบบขาดลอย กับล่าสุดเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปางที่ผู้สมัครจากพรรคเสรีรวมไทยเข้าวินชนะคู่แข่งที่เป็นอดีต ส.ส.เดิมซึ่งถูกใบเหลืองแบบไม่เห็นฝุ่น

เสียงที่ออกมาเช่นนี้ ส่วนหนึ่งอาจมองว่าเป็นเพราะทั้งสองพื้นที่มีฐานเสียงของพรรคฝ่ายค้านแน่นหนาอยู่แล้ว แต่หากพิจารณาอย่างถ่องแท้ อย่าลืมว่าพื้นที่ทั้งสองเขตสองจังหวัดนั้น คนที่เป็นอดีต ส.ส.คือคนของพรรคสืบทอดอำนาจ แม้ว่าที่ลำปางผู้สมัครที่ได้รับใบเหลืองจะเปลี่ยนสีเสื้อมาในนามพรรคเศรษฐกิจไทย แต่ก็ยังถือว่าอยู่ภายใต้ชายคา พวกเดียวกันกับขบวนการสืบทอดอำนาจ นี่ย่อมอาจมองได้ว่า เสียงที่ประชาชนสะท้อนผ่านการเลือกตั้งเป็นการแสดงสัญลักษณ์เชิงความรู้สึกว่าเบื่อหน่ายรัฐบาลนี้กับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเต็มทน

แม้การหักดิบใช้สูตรหาร 500 คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ชี้นิ้วสั่งการโดยผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเอง จะเป็นปฏิบัติการขวางแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็บอกไปแล้วว่าอาจจะไม่เป็นเช่นนั้น ไม่ว่าจะใช้สูตรไหน เพราะประชาชนรู้สึกว่าได้ทนและให้โอกาสคนมานานกว่า 8 ปีแล้ว ไม่ใช่แค่หมดเวลาแต่มันพิสูจน์แล้วว่า สิ่งที่ให้ไปนั้นกลายเป็นความสูญเปล่า สิ้นหวังและประชาชนมีแต่จะหมดหนทางกันไปเรื่อย ๆ มันจึงถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลง

นั่นหมายความว่า ไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะใช้สูตรแบบไหนก็ตาม ผลเลือกตั้งมันอยู่ที่มือประชาชน ที่เมื่อประเมินจากผลการเลือกตั้งดังที่ได้บอกมา ทำให้เห็นได้เด่นชัดว่าพฤติกรรมในการเลือกตั้งเปลี่ยนไป ประชาชนไม่ได้คำนึงว่าใครจะลงสมัคร ส.ส. ไม่ว่าจะแบบแบ่งเขตหรือปาร์ตี้ลิสต์ แต่คนส่วนใหญ่ตั้งใจและกำหนดทิศทางไว้แล้วว่า เลือกตั้งครั้งต่อไปจะเลือกผู้สมัครและพรรคที่ต้องการจะให้ได้เข้าไปบริหารประเทศ แทนคนที่ทำงานมากว่า 8 ปีแล้วไม่ได้เรื่องได้ราว

การปฏิเสธตอบคำถามของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจในช่วงนี้ อาจถูกมองได้ว่าเป็นการอุบไต๋ไว้ไปโชว์ทีเดียวในช่วงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ แต่ในความเป็นจริงอาจเป็นไปได้ว่า ไม่อยากตอบคำถามต่อปรากฏการณ์ของประชาชนที่สะท้อนผ่านการเลือกตั้ง รวมไปถึงมุกแป้กล่าสุดกับการประกาศ 3 แกนที่ไร้เสียงตอบรับจากประชาชน หรือแม้กระทั่งบรรดาภาคเอกชนที่เคยถือหางกันมาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน การวิเคราะห์ผลเลือกตั้งซ่อมลำปาง ในมุมของ สมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ก็น่าสนใจไม่น้อย มีการชี้ให้เห็นถึงความต่างในการกำหนดแนวทางหาเสียงและการเคลื่อนไหวในพื้นที่ของตัวแทนพรรคฝ่ายค้านกับพรรคของ ธรรมนัส พรหมเผ่า แต่โดยภาพรวมแล้ว สิ่งที่เป็นชัยชนะจนทำให้พรรคเสรีรวมไทยมี ส.ส.เขตเป็นคนแรกของพรรคนั้น เกิดจากเสียงสะท้อนของความอยากเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งอาจหมายถึงประชาธิปไตยจากปลายปากกากำลังจะเกิดขึ้นแล้ว

ผลการเลือกตั้งลำปางเชื่อได้ว่า ไม่น่าจะสะเทือนแค่พรรคสืบทอดอำนาจ มันยังจะสร้างแรงกระเพื่อมไปยังสองพรรคร่วมรัฐบาลสำคัญทั้ง ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยด้วย จากเดิมที่ยังเชื่อมั่นว่าการอยู่ในซีกรัฐบาล มีทั้งอำนาจ บารมีและกระสุนที่พร้อม ย่อมสามารถที่จะแข่งขันกับคู่แข่ง ยิงกระสุนสู้กระแสได้แน่ แต่การแสดงออกผ่านคะแนนเสียงในการเลือกตั้งของประชาชน บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า ไม่เอาแล้วกับการสืบทอดอำนาจที่ไม่ได้สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง อะไรให้กับประชาชนแม้แต่น้อย

ไม่ต้องพูดถึงความยั่งยืน เพราะความลำบากในการใช้ชีวิตที่เผชิญกับต้นทุนชีวิต ค่าครองชีพที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยผู้มีอำนาจไร้ปัญญาในการแก้ไขและช่วยเหลือ ต้องบอกว่าประชาชนส่วนใหญ่มีแต่ง่อนแง่นไม่มีทางยั่งยืนได้เป็นอันขาด อย่างไรก็ตาม ฝ่ายเชียร์เผด็จการสืบทอดอำนาจชนิดไม่ลืมหูลืมตา ก็ยังยกภาพของการไปโรดโชว์ที่ชลบุรีของพรรคสืบทอดอำนาจ ซึ่งมีคนแห่แหนไปให้กำลังใจกันล้นหลาม การที่พรรคฝ่ายค้านอย่างเพื่อไทยและพันธมิตรจะชนะแบบแลนด์สไลด์ไม่น่าจะเป็นไปได้

อย่าลืมเป็นอันขาดระหว่างภาพของการเมืองจัดตั้งกับการเมืองที่คนออกมาให้กำลังใจด้วยความตั้งใจนั้น มันต่างกันลิบลับ มองได้ว่าโรดโชว์พรรคสืบทอดอำนาจเพื่อลบภาพ หรือสู้กับภาพการลงพื้นที่ศรีสะเกษหรือแม้แต่อุบลราชธานีของครอบครัวเพื่อไทยที่นำโดย “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ที่ถูกมองว่าประสบความสำเร็จในแง่การต้อนรับและตอบรับของมวลชน ซึ่งชัดเจนว่านั่นเป็นพื้นที่เป้าหมายและฐานเสียงสำคัญของพรรคนายใหญ่อยู่แล้ว

ขณะที่ชลบุรี จริงอยู่ ณ วันนี้อาจจะมี ส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรีและคนโปรดของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอย่าง สุชาติ ชมกลิ่น กุมบังเหียน ที่อำนาจและบารมีอาจส่งผลต่อการเลือกตั้งในพื้นที่ แต่ต้องไม่ลืมว่าถ้าอยากชนะกวาดทั้งจังหวัดต้องอาศัยความเป็นปึกแผ่นกับบ้านใหญ่ที่ สนธยา คุณปลื้ม เป็นผู้ดูแลด้วย ซึ่งปรากฏเป็นข่าวและรับรู้กันของคนในพื้นที่อยู่แล้วว่า ทั้งคู่เกิดอาการขบเหลี่ยม ปีนเกลียวกันมาตลอด นั่นย่อมฟันธงได้ว่า การหวังผลแลนด์สไลด์ทั้งจังหวัดไม่น่าจะเป็นไปได้

ไม่ต่างกันกับภูมิใจไทยของ อนุทิน ชาญวีรกูล ภายใต้กุนซือ เนวิน ชิดชอบ ที่หวังจะกินรวบ ส.ส.แบบยกจังหวัดในหลายจังหวัดของภาคอีสาน การร่วมโหวตให้สูตรหาร 500 เพื่อหวังว่าจะได้ ส.ส.เป็นกอบเป็นกำเหมือนรอบที่แล้ว บวกกับพวกย้ายคอก และการปูพรมสร้างถนนเป็นว่าเล่นในพื้นที่เพราะตัวเองคุมกระทรวงคมนาคม เชื่อว่าจะซื้อใจคนที่ราบสูงได้ แต่ประเมินสถานการณ์กันล่าสุดพบว่า ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ แถมนกรู้บางรายที่ดูแลกันมาตลอดอาจกลับลำไม่เปลี่ยนสีเสื้อเพราะกลัวสอบตก ไม่แน่ว่าหลังเสร็จศึกซักฟอกหนนี้ อาจมีการแฉกันไปมาอุตลุดก็เป็นได้

Back to top button