1,500 เซฟสุด?
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามคลุกฝุ่นทำให้ “โมนิก้า” ไม่สามารถมองเรื่องต่าง ๆ ในมุมบวกได้เลย แถมปัญหาหนึ่ง ก็ก่อให้เกิดปัญหาอีกหลายอย่างตามมา
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามคลุกฝุ่นทำให้ “โมนิก้า” ไม่สามารถมองเรื่องต่าง ๆ ในมุมบวกได้เลย แถมปัญหาอย่างหนึ่ง ก็ก่อให้เกิดปัญหาอีกหลายอย่างตามมา หรือแม้กระทั่งการแก้ปัญหาบางอย่าง ก็นำมาสู่ปัญหาอีกอย่าง ส่งผลให้สถานการณ์ทั่วโลกตกอยู่ในลักษณะ “ลิงแก้แห” จึงไม่สามารถคาดหวังการกลับทิศของดัชนีอย่างบูรณาการได้เลย และทำให้เดี๊ยนต้องมองหาจุดเซฟโซนของการลงทุนเที่ยวนี้เนือง ๆ ไงล่ะคะ
ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะมองสัญญาณเทคนิคเป็นลำดับแรก และในที่สุดก็พบว่า โครงสร้างระยะยาวของขาตัว M เมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ระดับ 1,500 จุด จึงอนุมานได้ทันทีว่า ระดับดังกล่าวเหมาะต่อการทยอยซื้อเข้าพอร์ตมากที่สุด ผสานกับตลาดหุ้นทั่วโลกก็ซึมซับข่าวร้ายไปเยอะพอสมควร เดี๊ยนจึงแนะนำได้แค่เพียงว่า อย่ายึดติดกับการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นจะเกิดขึ้นในเร็วนี้เจ้าค่ะ
ดังจะเห็นได้จาการดีดกลับของดัชนีวานนี้ ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,544.81 จุด บวกไป 11.44 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.90 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องเด็กเล่นขายของมากกว่า เพราะโมเมนตัมของการลงทุนยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และยังต้องเผชิญกับปัญหาล้านแปดพันอย่าง เดี๊ยนถึงมองการเด้งขึ้นเที่ยวนี้ก็คงเหมือนกับรอบก่อน ๆ ซึ่งเป็นการลากไปออกของในราคาสูงพะยะค่ะ
เหมือนกับการดีดตัวของหุ้น DELTA ก่อนจะปิดที่ระดับ 339 บาท บวกไป 16 บาท หรือขึ้นไป 4.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 755 ล้านบาท ก็เป็นที่รู้กันว่า ขาใหญ่ก๊วนไต้หวันหวนกลับมาไล่หุ้นสั้น ๆ และเป็นแพทเทิร์นเดิม ๆ ที่เห็นกันมาเป็นเวลาหนึ่งเดือน “โมนิก้า” ถึงไม่ซีเรียสเมื่อเห็นราคาหุ้น “ขึ้นแรง” หรือ “ลงแรง” เพราะท้ายที่สุดก็เป็นเกมปั่นหุ้นธรรมดา ๆ หลังค่า PE ยังคาโด่เด่อยู่ที่ 52 เท่า ขณะที่คนอื่น ๆ เขาเทรดกันที่พีอี 25-30 เท่านะจ๊ะ
ขนาดเจ้าพ่อสื่อสารอย่างหุ้น ADVANC ยังถูกรินหุ้นออกมาตลอดเวลา จนไม่สามารถวิ่งฝ่าแนวต้าน 205 บาทขึ้นไปแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด “โมนิก้า” จึงอนุมานได้ทันทีว่า เที่ยวนี้ฝรั่งจัดหุ้นแบบแทงกั๊ก และพร้อมจะสาดหุ้นออกมาทุกเมื่อ หากตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากปัจจัยภายนอกอย่างหนัก วานนี้จึงเห็นหุ้นยืนปิดเสมอตัว (ดัชนีบวกแรง แต่หุ้นดันไม่ขึ้น) ที่ระดับ 205 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 626 ล้านบาทแบบเซ็ง ๆ ไงล่ะคะ
ส่วนรายที่ทำผลงานน่าผิดหวังอย่างหุ้น KEX กลายเป็นหุ้นอันตรายในสายตานักลงทุนทันที เพราะทุกคนรับรู้มาระยะหนึ่งว่า ธุรกิจโลจิสติกส์มีการแข่งขันรุนแรง และยังต้องแบกต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้น จนมีการประเมินตัวเลขขาดทุนปี 65 น่าจะทะลุ 600 ล้าน และนำไปสู่การเทขายหุ้นทิ้งแบบไม่มีเยื่อใย จนราคาหุ้นไหลลงมาปิดที่ระดับ 23.40 บาท ลบไป 2.35 บาท หรือลงไป 9.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 768 ล้านบาทแบบหมดสภาพพะยะค่ะ
ตรงกันข้ามกับในรายของหุ้นยาบำรุงร่างกาย MEGA อย่างสิ้นเชิง เพราะรายนี้มีลู่ทางในการปั้นกำไรที่ค่อนข้างสดใส แต่วานนี้กลับโดนขายอย่างหนักหน่วง จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 47.50 บาท ลบไป 5.25 บาท หรือลงไป 9.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 556 ล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดว่า กองทุนไม่ถือยาว! ถึงกระหน่ำขายหุ้นแบบไม่ดูดำดูดี และกลายเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องพึ่งระวังเจ้าค่ะ
ส่วนหุ้นเล็กที่โหนกระแสขึ้นอย่างร้อนแรง และกลายเป็นหุ้นที่เม่าเคาะขวากระจาย “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น TEKA หลังทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.36 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 26% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 446 ล้าบาท เดี๊ยนมองเป็นเกมที่โหดเกินไปหน่อยสำหรับลงทุนผันผวน แต่ถ้ามองในมุมของการเล่นเก็งกำไรแบบสุดซอย ก็เป็นจังหวะที่ทำให้วันนี้ต้องลุ้นจนปัดสวะเหนียวนะตัวเอง!
ไหน ๆ ก็มาแนวลุยสุดซอยทั้งที “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้นอีสปอร์ตตัวพ่อของวงการอย่าง OTO กันสักหน่อย เพราะการขึ้นเที่ยวนี้มาพร้อมกับสตอรี่เด็ด เดี๊ยนจึงไม่เคลือบแคลงใจที่เห็นราคาหุ้นขึ้นมาปิด 17.20 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 2.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 114 ล้านบาท เพราะการขึ้นแรงขนาดนี้ต้องมีข่าวดีเกี่ยวกับผลงานไตรมาส 2 รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน…หากไม่เชื่อลองถามคุณพี่ “คณาวุฒิ” ดูก็ได้จ้า!