พาราสาวะถี

ทุกอย่างมันฟ้องด้วยพฤติกรรมและการกระทำเอง ที่ผ่านมาพวกเลียอุ้งตีนเผด็จการสืบทอดอำนาจมองว่ากล่าวหากันรุนแรงไปหรือเปล่า เอาอคติส่วนตัวมาเล่นงานคนที่ตัวเองไม่ชอบขี้หน้า คำว่า“พวกอย่างหนา ไร้ยางอาย” ไม่ใช่สิ่งที่เกินเลยต่อการพูดถึงผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและลิ่วล้อในขบวนการ การที่ยกมือและยิ้มด้วยความภาคภูมิใจหลังจากที่พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ยกหางว่าคือผู้ทำการรัฐประหารล้มผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน มันคือภาพสะท้อนของความไม่อินังขังขอบต่อความเสียหายอื่น ๆ ที่ตามมา

ถามว่าเหตุผลที่อ้างเรื่องความขัดแย้ง การกำจัดคนในเครือข่ายระบอบอุปโลกน์ที่ชื่อว่าระบอบทักษิณ ทุกวันนี้ ความแตกแยกของประชาชนถูกแก้ไขให้ดีขึ้นแล้วหรือไม่ คำสัญญาที่ว่าขอเวลาอีกไม่นานก็เห็นกันอยู่ผ่านการร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องจะอยู่กันไปจนกว่าจะตายจากกันไปข้าง ไม่ต่างกันกับที่พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.โอ้อวดเรื่องมีเพื่อนดีให้ยืมนาฬิกาหรูใส่ มันคือความภาคภูมิใจที่จะนำมาคุยโม้และประชาชนรู้สึกดีด้วยอย่างนั้นหรือ

จะมีก็แต่พวกหลับหูหลับตาเชียร์ เหมือนอย่าง ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่อ้างว่าอยู่กับพรรคมีอุดมการณ์ ยึดหลักการเป็นสำคัญ ที่ล่าสุดออกมาเคลื่อนไหวอุ้มผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ถ้าไม่ได้ไปต่อแล้วคนชั่วกินบ้านกินเมืองจะมีอำนาจ ต้องอธิบายให้ชัด ๆ คนชั่วกินบ้านกินเมืองที่สามสีมองเห็นนั้นเป็นแบบไหน หรือก็คือคนที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยที่ตัวเองพ่ายแพ้มาตลอด แล้วพวกหัวขบวนที่พาไปเป่านกหวีดในสายตาของไตรรงค์นั้นคือคนดีที่สุดในพรรคที่เคยสังกัด ไม่มีปัญหาด่างพร้อยใด ๆ ใช่หรือไม่

ไม่แปลกใจอะไร บอกแล้วว่านอกจากพวกเลียอุ้งตีนเผด็จการ พวกเชียร์ไม่ลืมหูลืมตา อีกพวกที่จะยกหางเผด็จการสืบทอดอำนาจก็คือ พวกที่ได้ผลประโยชน์จากการอยู่ของขบวนการสืบทอดอำนาจ ใครมีเวลาก็ลองไปตรวจสอบกันดูตลอดระยะเวลากว่า 8 ปีที่ผ่านมานั้น ใครหน้าไหน พวกใดที่ได้รับอานิสงส์จากผลพวงของการยึดอำนาจไปแบบเต็ม ๆ ส่วนการกล่าวหาสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปรายในศึกซักฟอกนั้นก็เป็นการรวมหัวกันด้อยค่าตามแนวทางไอโอที่ถนัด

ทั้งที่ความจริงแล้วหากตั้งใจฟังแบบไม่มีอคติใด ๆ หลายเรื่องฝ่ายค้านอภิปรายด้วยเนื้อหาที่ดี มีเหตุผล มีหลักฐาน แต่พวกอย่างหนาใช้วิธีการตอบแบบถามวัวตอบควาย ไปไหนมาสามวาสองศอก เมื่อเป็นเช่นนี้คนทั่วไปย่อมรู้กันอยู่แล้วว่า เลือกตั้งครั้งหน้านั้นสมควรจะตัดสินใจแบบไหน ไม่ต้องพูดถึงเสียงโหวตไว้วางใจในวันลงมติ รู้อยู่แล้ววิ่งกันขาขวิดต่อรองกันอุตลุดที่บอกกันว่า 2-3 ล้านนั้นมันตั้งแต่เริ่มต้น เวลานี้สำหรับบางรายที่ถูกขู่หนัก ๆ มันทะลุไปไกลกว่านั้นหลายเท่าตัว

ท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่องของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่รับลูกยกหางของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ต่อการยอมรับเป็นหัวขบวนก่อรัฐประหารนั้น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำขับไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) บอกว่า ถ้าเป็นเรื่องเบา ๆ เอาฮา ก็ว่าไป แต่เป็นเรื่องยึดอำนาจ ล้มล้างการปกครองโทษถึงประหาร ก่อผลกระทบกับคนทั้งประเทศ ชีวิตพังไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่ คนพวกนี้ถือเป็นเรื่องเล่น จะพูดจะแสดงออกยังไงก็ได้ไม่ตลกด้วยโว้ย แต่พวกสลิ่มคงยิ้มแก้มปริที่ได้เห็นภาพเช่นนี้

ขณะที่ สมชัย ศรีสุทธิยากร มองว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจคงลืมไปว่าตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีในระบบรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่มีสำนึกว่าการรัฐประหารเป็นเรื่องเลวร้ายที่ผู้มีอาวุธฉกฉวยสถานการณ์ความขัดแย้งในบ้านเมืองมายึดอำนาจ  การถูกระบุว่าคือคนปฏิวัติ จึงไม่ใช่สิ่งที่ควรภาคภูมิใจ  การยิ้มและยกมือรับยิ่งไม่ใช่สิ่งที่สมควรทำหากมีสำนึกประชาธิปไตย ตรงนี้ไม่ต้องอธิบายอะไรตอบได้ทันที อย่าพูดเรื่องประชาธิปไตยกับคนแบบนี้มีแค่เอาไว้หลอกคนอื่นเท่านั้น ในสมองมีแต่เผด็จการเท่านั้น

เห็นกันอยู่แม้จะผ่านกระบวนการเลือกตั้งมา แต่ก็รวบอำนาจทุกอย่างไว้ในมือจากความยินยอมพร้อมใจของรัฐมนตรีทุกกระทรวง มิหนำซ้ำ การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่อ้างว่าเพื่อคุมสถานการณ์โควิด-19 ยืดเวลาแล้วยืดเวลาอีก ก็เป็นคำตอบไปในตัวอยู่แล้วว่า กลัวที่จะอยู่ภายใต้สถานการณ์ปกติ หากมีม็อบลุกฮือแล้วไร้เครื่องมือที่จะมาค้ำยันเสถียรภาพของตัวเอง มีอันจะพังพาบได้ง่าย ๆ การพูดถึงทหาร ตำรวจกับเรื่องกฎหมายพิเศษฉบับนี้จึงเป็นการยอมรับโดยดุษฎีว่าใช้เพื่อคุมโรคหรือไว้จัดการคนเห็นต่างกันแน่

ส่วนกรณีที่บอกเรื่องคำพูดของ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ย้ำว่าหากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลก็ไม่ได้คิดจะเข้าร่วมอยู่แล้วนั้น ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องที่บอกว่าเมื่อคราวก่อนเลือกตั้งปี 2562 พูดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ และปลดล็อกกัญชาอย่างไรแล้วทำอีกอย่าง ยังมีประเด็นของการประกาศว่าจะไม่สนับสนุนผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจด้วย สุดท้ายก็อย่างที่เห็นอุ้มสมกันจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น ที่บอกว่าไม่คิดจะเข้าร่วมคงต้องไปคิดกันเอาเองว่าจะเป็นอย่างที่พูดไว้หรือไม่

กรณีนี้ ไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษาของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ยุครัฐบาลเผด็จการ คสช. ก็สะกิดเตือนประชาชนด้วยว่า คำว่า “ไม่” ของน้าหนูเป็นคำเกินหรือโวหารการเมือง “ไม่ได้แปลว่าไม่” นะจ๊ะ เป็นอันรู้กัน บอกมาตลอดทางการเมืองเรื่องลิ้นไม่มีกระดูก ปลาไหลเรียกพี่ยังใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะกับพรรคการเมืองที่มีกุนซือซึ่งเคยกำเนิดมาจากพรรคที่ถูกเรียกว่าปลาไหลใส่สเก็ตซ์ ย่อมเลือกที่จะใช้กลเกมที่ตัวเองได้เรียนรู้มา ยิ่งอยู่ในฐานะที่กุมความได้เปรียบเรื่องเสียง ส.ส.ตัวแปร จึงสนุกปากกันใหญ่

ต้องถามบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในต่างจังหวัด ตื่นเต้นหรือไม่ที่เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.ได้ลงนามออกประกาศ อย.เพิ่มเติมเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ให้สามารถกระจายยาโมลนูพิราเวียร์และยาต้านไวรัสอื่น ๆ ไปในระดับคลินิกเวชกรรมได้ เพราะความจริงหลายจังหวัดคนติดโควิดรู้ดีว่า ยาฟาวิพิราเวียร์หรือตัวอื่นที่ต้านโควิดนั้น จะสามารถไปซื้อได้จากใคร มีจัดขายกันเป็นชุด ราคาตั้งแต่หลักร้อยปลาย ๆ ไปจนถึงเกือบ 2 พันบาท หากไม่อคติก็ต้องฟังสิ่งที่ชมรมแพทย์ชนบทตั้งข้อสังเกตเรื่องยาขาดแคลน สอบกันให้ลึกและเอาจริงเอาจังก็จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่เอาแต่อ่านรายงานในห้องแอร์