พาราสาวะถี

ถอดรหัสลับจากศึกซักฟอกที่ผ่านพ้นไป ทำให้เห็นความเป็นไปของการเมืองที่ว่าด้วยเรื่องการหักเหลี่ยมเฉือนคมและแก้แค้นกันชัดเจนขึ้น แน่นอนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องภายในของฝ่ายกุมอำนาจทั้งสิ้น ขณะที่ฝ่ายค้านปัญหาของงูเห่ากินกล้วย ก็เป็นพวกหน้าเดิมที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าเลือกตั้งครั้งหน้าย้ายคอกกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นจากเพื่อไทย 7 ราย ก้าวไกล 5 คน รวมไปถึง 4 รายของพรรคเศรษฐกิจไทย ที่ต้องติดตามคือพวกรับกล้วยกันเป็นอาชีพที่กำลังจะถูกเล่นงานจากผลแห่งกรรมที่ได้ทำไป

หลังการประกาศดับเครื่องชนของ ธรรมนัส พรหมเผ่า ต่อพวกที่ไปรับเงินค่าดูแลแถมมีลายเซ็นเป็นหลักฐานพร้อม ก็เห็นการกระโดดออกมาแก้ต่างแก้ตัวกันเป็นพัลวัน จากนี้ก็เป็นเรื่องของหลักฐานที่จะนำไปสู่กระบวนการฟ้องร้อง ดำเนินการตามช่องทางทั้งหมดที่มี ไม่ว่าจะดำเนินการโดยฝ่ายค้านหรือบรรดานักร้องก็ตาม การให้ข่าวผ่านสื่อคงไม่เป็นผล ขณะเดียวกันก็จะเป็นบทพิสูจน์ปลายทางขององค์กรและคณะกรรมการที่จะชี้ขาดด้วยว่า มีความสามารถพอที่จะจัดการเรื่องใหญ่ที่บ่อนเซาะทำลายระบบการเมือง และการเลือกตั้งของประเทศหรือไม่

หากทำตัวเป็นพวกที่สนองบุญคุณของเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่รู้จักจบสิ้น คนในองค์กรที่สังกัดน่าจะถึงเวลาที่จะต้องลุกขึ้นมาทวงศักดิ์ศรีกันบ้าง หากหลักฐานปรากฏชัดว่ามีการกระทำผิดกันจริง น่าสนใจจากที่กินกล้วยกันเป็นนิจบั้นปลายชีวิตอาจต้องเข้าไปกินข้าวแดงในซังเต ส่วนธรรมนัสที่หัวเสียจากการถูกพวกไม่รู้คุณข้าวแดงแกงร้อนหักหลังนั้น นอกจากจะไล่ตามเช็คบิลพวกหน้าไหว้หลังหลอกแล้ว ยังต้องทบทวนเรื่องความไว้วางใจที่มีต่อ “นาย” ที่ตัวเองให้การนับถือด้วย

ที่เจ็บปวดที่สุดจากศึกซักฟอกหนนี้คงไม่มีใครเกิน จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะได้คะแนนโหวตไว้วางใจแบบฉิวเฉียด หากไม่เกิดการหักหลังกันจากกลุ่มที่ตกปากรับคำไว้กับผู้กองมันคือแป้ง มีสิทธิ์ที่จะหล่นจากเก้าอี้แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว อย่าลืมเป็นอันขาด แม้จะเกิดปัญหาความไม่ลงรอยภายในพรรคของตัวเอง แต่เสียงที่เป็นขาประจำก็ไม่ได้มากจนถึงขนาดที่จะทำให้ต้องลุ้นกันใจหายใจคว่ำกันแบบนี้ นั่นหมายความว่า ภายในพรรคร่วมด้วยกันเองโดยเฉพาะพรรคแกนนำกำลังเล่นเกมอะไรอยู่หรือไม่

ท่วงทำนองเช่นนี้มันจะส่งผลต่อเส้นทางเดินของรัฐบาลในช่วงบั้นปลาย หากมีการเก็บเอาเป็นความแค้นจากที่ถูกมองกันว่าหลังผ่านศึกซักฟอกไปแล้ว ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะนำพารัฐบาลเรือเหล็กอยู่กันยาวจนครบเทอม อาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ เมื่อประเมินสถานการณ์แล้วว่าตัวเองตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ มิหนำซ้ำ หากปล่อยให้อยู่ไปจนครบวาระก็ไม่รู้ว่าชะตากรรมของพรรคเก่าแก่กับการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นอย่างไร การตัดสินใจถอนตัวเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นได้

ไม่ต่างจากพรรคภูมิใจไทยของ อนุทิน ชาญวีรกูล ที่ดูเหมือนว่าจะมีความเป็นปึกแผ่นกว่าใครเพื่อนในซีกรัฐบาล ย้ำไปก่อนหน้าการประกาศว่าไม่คิดจะร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยหากชนะการเลือกตั้งครั้งหน้า คำพูดทางการเมืองของนักการเมืองอย่าคิดว่าทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามนั้น ในยามนี้ถูกมองว่าเนื้อหอมสุด ๆ นักเลือกตั้งที่ชอบกระสุนต่างแห่แหนเข้าไปแสดงตัวขอเข้าสังกัดกันยกใหญ่ จึงไม่แปลกที่ทำให้มองไปถึงอนาคตทางการเมืองว่าไม่มีทางกลับไปเป็นพรรคฝ่ายค้านอย่างแน่นอน

การประกาศว่าจะสนับสนุนยืนเคียงข้างผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต่อไปนั้น มันก็เป็นเรื่องของมารยาทของคนที่ยังอยู่ร่วมชายคาทำเนียบรัฐบาลกันอยู่ แต่พลันที่เข้าสู่โหมดเลือกตั้งไม่มีคำว่ามิตรสำหรับสนามแข่งขัน ส่วนคนที่ประกาศว่าอาจเป็นศัตรูกันนั้นมันก็แค่ลีลาทางการเมือง สิ่งสำคัญสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ต้องดูกันว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะกำหนดทิศทางให้นักเลือกตั้งเดินกันอย่างไร มันไม่ง่ายเหมือนเลือกตั้งคราวที่แล้ว ซึ่งมีตัวช่วยเรื่อง ส.ส.ปัดเศษอีกต่อไป

สิ่งที่ทำให้เห็นว่าจะมีการเบี้ยวกันเกิดขึ้นก็คือ ปมสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งที่ประชุมรัฐสภาวาระ 2 ได้ผ่านความเห็นชอบให้ใช้สูตรหาร 500 ไปแล้ว แต่ยังเหลือก๊อกสุดท้ายที่จะพิจารณากันในวาระ 3 ก็พบว่ามีความพยายามจากซีกของกรรมาธิการเสียงข้างมากที่จะให้กลับไปใช้สูตรหาร 100 เหมือนเดิม ตัวตั้งตัวตีก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนในซีกพรรคสืบทอดอำนาจนั่นเอง หากไม่มีสัญญาณจากอำนาจที่สั่งการได้ คงไม่มีใครที่จะลุกขึ้นมาพูดโดยบอกว่าเป็นเพียงความเห็นส่วนตัว

อย่าลืมว่าก่อนที่จะพลิกใช้สูตรหาร 500 ก็เกิดการให้ข่าวในลักษณะเช่นนี้นำมาก่อน หนนี้ก็ต้องคอยดู บางทีอาจจะไม่ใช่การกลับไปใช้สูตรหาร 100 แต่เป็นการล้มกระดานกันทั้งหมด เพราะหากร่างกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับไม่ผ่านการเห็นชอบ หรือถูกคว่ำในการพิจารณาของที่ประชุมรัฐสภาในวาระ 3 ก็เท่ากับว่าจะทำให้มีการกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว และสูตรคำนวณเดิม ถามว่าใครได้ประโยชน์ หรืออีกกรณี คือ ศาลรัฐธรรมนูญตีความการใช้สูตรหาร 500 เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็จบเห่เหมือนกัน นี่คือผลของการแก้รัฐธรรมนูญแบบไม่สะเด็ดน้ำ

ย้อนกลับไปดูผลสะเทือนจากศึกซักฟอก ไม่เพียงแต่เห็นรอยร้าวระหว่างพรรคร่วม ความไม่ลงรอยภายในพรรคสืบทอดอำนาจ แต่ยังได้เห็นการแสดงอำนาจ บารมีของผู้ยิ่งใหญ่ในบางพื้นที่ด้วย นั่นก็คือ การยกมือโหวตไม่ไว้วางใจพี่รองแก๊ง 3 ป.ของ 6 ส.ส.สมุทรปราการ พรรคสืบทอดอำนาจ ที่ชัดเจนว่าเป็นคำสั่งมาจากบ้านใหญ่อัศวเหม กรณีนี้เป็นการสางแค้นหรือระบายความอัดอั้นที่ไม่ได้รับการดูแลจาก มท.1 ซึ่งนักเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยในพรรคแกนนำคิดจะทำแต่ไม่มีใครกล้า ทว่าทีมงานบ้านใหญ่ปากน้ำกล้าท้าชน

เชื่อได้เลยว่าประสาของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ย่อมรู้ดีว่าทางการเมืองนั้นต้องดูแลกันอย่างไร ยิ่งพื้นที่ปากน้ำเป็นฐานสำคัญ จึงจะไม่มีการแตกหักเกิดขึ้นแน่ ที่ต้องติดตามจากผลสะเทือนของกลุ่มปากน้ำ คือ พื้นที่ชลบุรีที่รัฐมนตรีผู้ใกล้ชิดผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแสดงบารมี เบ่งกล้ามโชว์ งัดข้อกับบ้านใหญ่ แม้รุ่นลูกจะไม่ดุเดือดเท่ากับรุ่นพ่อ แต่คำว่าศักดิ์ศรีที่ค้ำคออยู่ย่อมไม่มีทางให้ใครมาลูบคมได้ จังหวะนี้ก็น่าจะถึงเวลาต้องมาเช็คบิลกัน ผลจากซักฟอกใครว่าทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจสบายใจ สบายตัว คงต้องคิดกันใหม่