KBANK ที่ราคาต่ำเกินจริง
ไม่ซื้อเข้าพอร์ตยามนี้ ที่ของดีราคาถูกมารออยู่ คงไม่ถือว่าเป็นนักลงทุนเน้นคุณค่าตัวจริงเสียงจริง…… แต่เป็นแค่แมงเม่าธรรมดา
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ไตรมาส 2 ปี 2565 มีกำไรเพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อน และลดลงจากช่วงต้นปีนี้เล็กน้อย ดีเกินคาดและยังกำไรมาเป็นที่หนึ่งต่ออีกไตรมาสชนิดยึดไม่อยู่ แต่ราคาหุ้นกลับต่ำเตี้ยเกินจริงต่อไป
ผลจากรายได้ดอกเบี้ยที่เติบโต ในช่วงขาขึ้น แต่ผู้บริหารยังคงท่าทีระมัดระวังเผยเศรษฐกิจไทยขยายตัว แต่ต้องจับตาเงินเฟ้อพุ่ง กดดันเร่งขึ้นดอกเบี้ย
หุ้นที่นักวิเคราะห์ให้เป็น “ท็อปพิก” ยังคงมีราคาต่ำเตี้ยต่อไปเพราะบรรดานักลงทุนยังเกรงไปว่าผลจากต่างชาติขายหุ้นทิ้งจนบาทอ่อนยวบน่าจะส่งผลให้ราคาหุ้นบลูชิพทั้งหลายยังคงต่ำเตี้ยไปอีกยาวนาน แม้ผลประกอบการจะยังสะท้อนภาพของการฟื้นตัวของธุรกิจที่รายได้จากส่วนต่างของดอกเบี้ยกำลังเป็นขาขึ้น โดยผลประกอบการไตรมาสสองตอกย้ำกำไรเพิ่มชัดเจน
แม้ในรายงานผลประกอบการของงบการเงิน ผู้บริหารของ KBANK จะยังคงระวังกับขาขึ้นของตัวเลขผลประกอบการ โดยอ้างถึงเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 2565 ที่มีการบริโภค การลงทุน ภาคเอกชน และการส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง
กรณีที่ภาคการผลิตยังมีทิศทางอ่อนแอ เพราะต้องรับมือกับต้นทุนวัตถุดิบ และพลังงานรวมถึงปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วน แล้วยังคงมีแรงกดดันเรื่องเงินเฟ้อแต่ต้องติดตามแรงกดดัน จากปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น แต่ KBANK ยังมีกำไรงดงามในงวดครึ่งแรกของปี 22,005 ล้านบาท หรือ 12.72%
กำไรที่งดงามเกินคาดและยังครองเป็นที่หนึ่งต่อไปอีก เกิดจากรายได้จากดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 10.22% จากรายได้ตามปกติสอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจจากการผ่อนคลายมาตรการทั้งในและต่างประเทศ แม้ว่ารายได้จากค่าธรรมเนียมจะลดลงจากธุรกรรมที่หดตัวลงเพราะกระแสโควิด-19 ที่ยังระบาดอยู่ทำให้ต้องปรับมูลค่ายุติธรรมของสินเชื่อส่วนบุคคลและเงินลงทุนลงไป ส่งผลให้รายได้ร่วงลงไปมากถึง 20.28% ก็ตาม
ผลการดำเนินงานไตรมาสสองที่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก โดยที่มีกําไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2565 จำนวน 10,794 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 3.72% ……ไม่ถือว่าเป็นนัยสำคัญเพราะส่วนใหญ่เกิดจากการปรับมูลค่ายุติธรรม (Mark to market) ทางบัญชีตามปกติ
สำหรับแนวโน้มครึ่งหลังของปีทางผู้บริหารมั่นใจว่าจะมีกำไรสุทธิมากกว่าครึ่งแรกของปี จากดอกเบี้ยขาขึ้นเป็นหลัก นอกเหนือจากมาตรการเปิดประเทศหลังโควิตที่จะทำให้ภาคท่องเที่ยวมีเงินสะพัดมากขึ้น และภาคการผลิตที่จะฟื้นตัวขึ้นมาจากธุรกิจรถยนต์และการลงทุนใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้ตลาดเงินมีความคึกคักขึ้น
ผลของกำไรสุทธิที่โดดเด่นทำให้มูลค่าตามบุ๊กแวลูของ KBANK เพิ่มขึ้นเป็น 206.50 บาท เทียบกับราคาล่าสุดที่ระดับใต้ 150 บาท แล้วต่ำกว่าบุ๊กถึง 30% และค่า พี/อีที่แค่ 8 เท่าต่ำสุดในรอบหลายปีทีเดียว
ไม่ซื้อเข้าพอร์ตยามนี้ ที่ของดีราคาถูกมารออยู่ คงไม่ถือว่าเป็นนักลงทุนเน้นคุณค่าตัวจริงเสียงจริง……แต่เป็นแค่แมงเม่าธรรมดา