หุ้นตัวแรงมาเป็นตับ
ในเมื่อนักเล่นเข้าใจถึงสถานการณ์ของ “ข่าวร้าย” และ “ข่าวดี” ก็ไม่มีอะไรต้องวอรี่กับการลงทุนมากนัก เพราะตลาดหุ้นดูดซับข่าวเชิงลบไปเยอะพอสมควร
ในเมื่อนักเล่นเข้าใจถึงสถานการณ์ของ “ข่าวร้าย” และ “ข่าวดี” ก็ไม่มีอะไรต้องวอรี่กับการลงทุนมากนัก เพราะตลาดหุ้นดูดซับข่าวเชิงลบไปเยอะพอสมควร แถมบริษัทห้างร้านต่าง ๆ ก็เริ่มปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้ค่อนข้างดี จึงทำให้มูฟเมนต์ของตลาดหุ้นอยู่ในจุดของการซื้อกลับถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนดัชนีวิ่งขึ้นมาทดสอบแนวต้าน 1,600 จุด เป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือนเศษ ๆ นะจะบอกให้
ขณะเดียวกันก็อย่าลืมว่า การที่ดัชนีพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,593.24 จุด บวกไป 16.83 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.22 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากการพุ่งขึ้นของหุ้น DELTA กับ JTS ซึ่งมีผลทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นราว 4 จุดด้วยกัน “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับแยกภาพตรงนี้ให้ชัดเจน เพราะทำให้เห็นแรงซื้อที่กลับเข้ามาเที่ยวนี้ ไม่ใช่แรงเก็งกำไรเพียว ๆ เหมือนที่เดี๊ยนเข้าใจก่อนหน้านี้ (เที่ยวนี้ฝรั่งซื้อ 1.85 พันล้าน กองทุนซื้อ 580 ล้าน) ไงล่ะตัวเอง
วันนี้จึงขอเม้าท์ถึงหุ้นตัวเด็ดที่ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง พร้อมกับสลัดอาการเดี้ยงให้เห็นอีกครั้ง จึงกลายเป็นช็อตของการ follow buy แบบไร้ข้อกังขา เพราะนักเล่นคาดหวังจะได้เห็นราคาที่ยอดเก่าครั้งก่อนกันเป็นแถว ผนวกกับหุ้นแต่ละตัวก็มีส่วนต่างราคาเป้าหมายค่อนข้างเยอะ “โมนิก้า” ถึงไม่วอรี่กับสถานการณ์ต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร? เพราะสิ่งที่เห็นก็มีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นให้เห็นประปรายน่ะซี
เหมือนกับแรงซื้อที่ไหลกลับเข้ามาในหุ้น EA ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องทุกประการ เพราะมองในมุมของธุรกิจไฟฟ้า ต่อเนื่องมาถึงโรงแบตฯ หรือแม้กระทั่งโรงประกอบรถไฟฟ้า ครอบคลุมถึงบริษัทลูกเป็นคนขายรถ และเดินรถเมล์ ก็น่าจะสร้างแวลูมหาศาลในอนาคต และการขึ้นไปหายอดแรกบริเวณ 90 บาท จึงไม่ยากเหมือนก่อนหน้านี้ เดี๊ยนถึงเห็นด้วยที่ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 82.50 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 1.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.15 พันล้านบาทเจ้าค่ะ
ในเมื่อสถานการณ์ธุรกิจเปิดกว้าง และผู้คนมากมายออกมาใช้ชีวิตในห้างมากขึ้น “โมนิก้า” ถึงเข้าใจเหตุผลที่ราคาหุ้น CPN ทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 66 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 3.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.53 พันล้านบาท พร้อมกับทำราคาสูงสุดในรอบ 2 ปี 8 เดือน เพราะต่อจากนี้จะเป็นช่วงที่บริษัทโกยเงินเข้ากระเป๋าไม่ยั้ง และในช่วงพีค ๆ ก็เคยเห็นหุ้นขึ้นไปถึง 70-80 บาทมาแล้ว..จำได้บ่!
ส่วนรายที่มีสตอรี่สวย ๆ และมีการไล่ราคาเป็นช่วง ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น PRINC แบบไม่ลังเลใจ เพราะการวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 7.85 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 12.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 172 ล้านบาท ท่ามกลางผลงานโตกระหึ่มเป็นฐานราก น่าจะเป็นแรงหนุนให้หุ้นวิ่งขึ้นได้อีก..ปัญหามีแค่ นิสัยของหุ้นตัวนี้มักมาในแนว “ดันเร็ว ทุบเร็ว” โดยที่ภาพใหญ่ยังเป็นลักษณะฐานใหม่สูงขึ้นกว่าเดิม..คุณท่านหลานเธอรับได้ไหม?
สำหรับรายที่ขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และมั่นคงในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น SINGER ซึ่งคนในวงการต่างรู้ดีว่า นี่คือโกรทสต๊อกชั้นนำของตลาดหุ้นไทย เดี๊ยนจึงเห็นด้วยที่ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 44.25 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไป 6.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 410 ล้านบาท เพราะเราเคยเห็นหุ้นวิ่งขึ้นไปแถว 50 บาทกันมาแล้ว และในบางช่วงที่ภาวะตลาดเป็นใจก็ขึ้นไปเกือบ 60 บาทนะนายจ๋า!
เม้าท์ถึงหุ้นที่ “มาดี มาสวย” พร้อมกับวอลุ่มที่แน่นขนัดกันทั้งที “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้นเล็กพริกขี้หนูอย่าง PSG เป็นรายถัดไปในทันที เพราะสตอรี่ที่ทุกคนได้เห็นตั้งแต่วันแรกคือ กลุ่มทุนใหม่อัดเงินเข้ามาในบริษัทพันล้าน ต่อจากนั้นก็ตามมาด้วยโปรเจกต์รับเหมามูลค่าเกือบหมื่นล้าน ถัดจากนั้นก็ผุดโปรเจกต์เทรดเดอร์ถ่านหินขึ้นมาอีก ก่อนจะปิดท้ายด้วยโรงไฟฟ้าปั๊มสโตเรจ ล้วนเป็นโปรเจกต์ที่ทำเงินเข้าบริษัททั้งนั้น เดี๊ยนถึงเชื่อว่า การที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.13 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 11.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 231 ล้านบาท มันคือสัญญาณการขึ้นรอบใหม่เจ้าค่ะ
ก่อนจากกัน “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงหุ้นน้องใหม่ป้ายแดงอย่าง YONG กันสักหน่อย! เพราะเป็นหุ้นที่ตกฟากเข้าเทรดในวันที่ดีมาก ๆ โดยเฉพาะในมุมของบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และการกลับเข้ามาลุยหุ้นของพวกนักลงทุนสถาบัน มันทำให้เชื่อว่า วันนี้น่าจะเปิดสวย! ผสานกับเป็นหุ้นต่ำสิบที่นักเล่นเข้าถึงได้ง่าย เดี๊ยนเลยไม่แปลกใจที่บรรดาขาเทรดมีความฮึกเฮิมสุด ๆ ไงล่ะคะ