หุ้นกำไรโต
หลังจากพวกบ้าอำนาจฝั่งตะวันตกสร้างความหวาดหวั่นให้กับฝั่งเอเชียแบบสาแก่ใจ ก็ตะแล็ดแต๊ดแต๊บินไปแวะเวียนที่อื่นต่อไปนั้น
หลังจากพวกบ้าอำนาจฝั่งตะวันตกสร้างความหวาดหวั่นให้กับฝั่งเอเชียแบบสาแก่ใจ ก็ตะแล็ดแต๊ดแต๊บินไปแวะเวียนที่อื่นต่อไปนั้น มันทำให้เดี๊ยนรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง และภาวนาให้พวกประสาทรับประทานอย่าแวะกลับมาเอเชียอีกเลย เพราะมันไม่ก่อประโยชน์อะไรทั้งสิ้น และรังแต่จะทำให้เกิดความร้าวลึกกับประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นแบบนี้..มันใช่คนที่เราต้องนับถือเหรอคะ
น่าเสียดายที่โลกแห่งความเป็นจริงมันช่างโหดร้ายกว่าที่คิด เพราะประเทศอย่างพญาอินทรีย์ยังคงมีอำนาจควบคุมที่เหนือกว่าหลายประเทศ “โมนิก้า” จึงต้องยอมรับเรื่องราวตรงนี้ด้วยความเต็มใจ และขอว่า อาเซียนของเราจะไม่แตกคอกันเพียงเพราะบ่างช่างยุอย่างอเมริกา เพราะเมื่อดูจากความผิดหวังของหัวเรือใหญ่ “ไบเดน” ที่ลงทุนบินไปอ้อนวอนและโน้มน้าวโอเปกให้ช่วยผลิตน้ำมันเพิ่ม แต่สุดท้ายกลับคว้าน้ำเหลวแบบนี้..พญาอินทรีย์คลั่งใหญ่แน่ ๆ เจ้าค่ะ
สุดติ่งกระดิ่งแมวไปกว่านั้นคือ ปธน.เกาหลีใต้ออกตัวแรง พร้อมกับบอกปัดคุณป้ามหาภัย “เพโลซี” ไม่สะดวกพบปะ เพราะติดวันหยุดแบบนี้..หงายเงิบซิ! ซึ่งแสดงให้มะกันเห็นจุดยืนของประเทศฝั่งเอเชียว่า ไม่เล่นเกมปั่นหัว จึงไม่มีความจำเป็นต้องกระโดดลงไปเป็นคู่ขัดแย้งรายใหม่ แถมเมื่อนั่งบวกลบคูณหารแบบละเอียดก็มีแต่คำว่า “เสียกับเสีย” เลยขอถอยออกไปอยู่นอกสนามเป็นการชั่วคราวไงล่ะคะ
วกกลับมาดูที่สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยกันต่อดีกว่า เพราะการที่ดัชนีพยายามวิ่งขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,600 จุด แต่สุดท้ายทำได้แค่ยืนปิดที่ระดับ 1,598.75 จุด บวกไป 4.02 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.90 หมื่นล้านบาท ก็เป็นภาพที่ยืนยันถึงแรงซื้อมีค่อนข้างเยอะ ถึงทำให้ดัชนีเคลื่อนตัวแบบไซด์เวย์อัพ และประเด็นดังกล่าวก็ทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะเม้าท์ถึงหุ้นโตเด่นมากกว่าหุ้นกลุ่มอื่น เพราะเวลานี้เป็นจังหวะของการ follow buy หุ้นที่ทำผลงานแจ่มน่ะซี
งานนี้ขอเริ่มต้นกันที่ของใหญ่อย่างหุ้น BH กันดีกว่า! เพราะก่อนหน้านี้ประมาณ 3 เดือนยังยืนอยู่ที่ 160 บาท แต่หลังจากนั้นก็ขึ้นมาเรื่อย ๆ จนกลางเดือนที่ผ่านมาขึ้นไปทำไฮที่ระดับ 191 บาท ขณะที่วานนี้หุ้นยืนปิดที่ระดับ 183.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 331 ล้านบาท โดยมีสตอรี่เกี่ยวกับกำไรโตเท่าตัวมาเป็นตัวบิลต์อารมณ์แบบนี้ น่าลุยไหมล่ะจ๊ะ
ส่วนในรายของน้องมิ้น MINT ก็มีประเด็นเทิร์นอะราวด์เข้ามาเป็นตัวซัพพอร์ต รวมทั้งนักลงทุนสถาบันก็หวนกลับเข้ามาซื้อหุ้นรอบใหม่ “โมนิก้า” จึงมองเป็นหุ้นที่สายลุยไม่ควรมองข้าม เพราะอาการกวัดแกว่งไปมาบนฐานแนวรับ 32 บาทเป็นเวลา 3 เดือน โดยมีกรอบด้านบนที่ไล่สเต็ปตั้งแต่ 34 35 36 บาท จึงทำให้การยืนปิดที่ระดับ 33.75 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 552 ล้านบาท น่าเล่นรอบสุด ๆ พะยะค่ะ
สำหรับรายที่สุดจัดปลัดบอก “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น SABUY เพื่อชี้ให้ขาลุยได้เห็นโบรกเกอร์ประเมินกำไรโตสามเท่าตัว มันไม่ได้มาเล่น ๆ เหมือนที่บางคนเข้าใจ และการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 18.90 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 7.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 724 ล้านบาท น่าจะหมายถึงปฏิบัติการเล่นรอบใหม่ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ จึงกลายเป็นหุ้นที่เหมาะต่อการโหนกระแสนะจะบอกให้
เช่นเดียวกับในรายของ DITTO จ่อคว้างานเอกสารอิเล็กทรอนิกส์หมื่นล้าน ย่อมเป็นจุดที่ทำให้สถานการณ์ของบริษัทพลิกโฉมอย่างมีนัยสำคัญ และมีโอกาสที่จะวิ่งกลับขึ้นไปหายอดแรกที่เคยทำไว้บริเวณ 70 บาทอย่างแน่นอน “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการขึ้นมาปิดที่ระดับ 59.25 บาท บวกไป 4.25 บาท หรือขึ้นไป 7.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 657 ล้านบาท น่าตามไปดูไหม? เพราะสถานการณ์วันนี้แตกต่างจากวันวานอย่างสิ้นเชิงน่ะซี
ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องย้อนกลับมาดูหุ้นดาวรุ่งอย่าง BBIK ในทันที เพราะการที่โบรกเกอร์อัพเป้าขึ้นไปเกินระดับ 100 บาท มันหมายถึงกำไรปีนี้ต้องโตเป็นเท่าตัว และถ้ามองจากงานใหญ่ ๆ ที่บริษัทได้เข้ามา ตลอดเวลา ก็ทำให้ราคาปิดที่ระดับ 77.25 บาท บวกไป 4.25 บาท หรือขึ้นไป 5.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 172 ล้านบาท คือบันไดก้าวแรกของการเล่นเที่ยวนี้นะนายจ๋า!