ATP30 ยังคงเป็นขาขึ้นในกลยุทธ์
กำไรที่เพิ่งประกาศงวดกลางปีและไตรมาสสองที่โดดเด่น ส่งผลให้ราคาหุ้นที่เคยติดไปอยู่แถว 1.75 บาท กระชากขึ้นมาทันทีนับแต่เริ่มเทรด
กำไรที่เพิ่งประกาศงวดกลางปีและไตรมาสสองที่โดดเด่น ส่งผลให้ราคาหุ้นที่เคยติดไปอยู่แถว 1.75 บาท กระชากขึ้นมาทันทีนับแต่เริ่มเทรดวันอังคารที่ผ่านมา จนทะลุเพดานเกือบชนซิลลิ่ง 30% ยังดีที่แรงขายที่เริ่มออกมาช่วยถ่วงรั้งเอาไว้ให้ราคาบวกตอนปิดตลาดวันเดียวนั้นมากถึง 7.7% เศษและมีเค้าว่าวันต่อไปอาจจะกลับขึ้นไปยืนผงาดเหนือ 2.00 บาทได้
เหตุผลน่ะหรือ?
จะมีอะไรน่าห่วงล่ะเพราะกำไรสุทธิที่ทำเอาพุงปลิ้นไปเลยน่ะสิ …ถามมาได้
หรือว่าแกล้งถามให้ตอบ ก็เป็นได้
หุ้นบริษัท ATP30 ซึ่งเป็นบริษัทที่ลงมือทำธุรกิจภายใต้โมเดลทันสมัยหนึ่งนั่นคือ การทำธุรกรรมที่เรียกว่า “หางยาวโมเดล” หรือ Long-Tail model business ที่ประสบความสำเร็จด้วยดีต่อเนื่อง และกินส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ จากต้นทุนและการบริหารจัดการที่ประทับใจลูกค้ามากขึ้น
ช่องโหว่ทางธุรกิจจากการที่มีข้อกำหนดห้ามการทำที่อยู่อาศัยข้างโรงงานในนิคมอุตสาหกรรรมเพื่อความปลอดภัยของการบริหารนิคมในยามเกิดอุบัติภัยขึ้นมา ทำให้การเคลื่อนย้ายคนงานจากที่อยู่อาศัยไปและกลับจากที่ทำงานกลายเป็นธุรกิจขึ้นมา ใหญ่โตเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนสถานะในการแข่งขัน ที่ส่งผลให้เด่นมากจากประกาศว่ากําไรสุทธิไตรมาสที่ 2/2565 อยู่ที่ 11.07 ล้านบาท และอัตรากําไรสุทธิ 6.97% เพิ่มขึ้นมากถึง 663.45% จากไตรมาสที่ 2 ปีก่อน
ผลพวงของกำไรที่โดดเด่นทำให้ตัวเลขกำไรงวดครึ่งปีทะยานขึ้นไปที่ 24.27 และอัตรากําไรสุทธิเพิ่มไปที่ 53.61% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
เรียกว่ากำไรแม้จะยังน้อยนิด แต่อัตราเติบโตยิ่งใหญ่มาก
กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิที่โดดเด่น เกิดขึ้นจากรายได้จากการให้บริการรับส่งพนักงานระหว่างนิคมอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย ที่เพิ่มขึ้นมา ที่แม้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก จากการให้บริการเพิ่มขึ้นกับลูกค้ารายเดิมและลูกค้ารายใหม่สอดคล้องกับปริมาณรถโดยสารเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 653 คัน ประกอบด้วยรถบัสจำนวน 271 คัน รถมินิบัสจำนวน 44 คัน รถตู้ไอพี/รถตู้จำนวน 262 คัน รถตู้ไฟฟ้าจำนวน 2 คัน และรถร่วมบริการจำนวน 74 คัน
รายได้จากการให้บริการไตรมาสที่ 2/2565 เท่ากับ 158.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.17% จากไตรมาสที่ 2 ของปีก่อน และและรายได้จากงวดหกเดือนที่เพิ่มขึ้น 29.53% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตอกย้ำถึงความสามารถทำกำไรจากขนาดของบริการที่เพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน
ตัวเลขการเพิ่มขึ้นของกำไรและอัตรากำไรสุทธิของ ATP30 ที่พุ่งขึ้นแม้ว่าจะมีมรสุมจากราคาน้ำมันที่เป็นต้นทุนที่เลี่ยงไม่ได้ และต้นทุนค่าเช่าที่จอดรถที่เพิ่มขึ้น สะท้อนถึงความสามารถในการรับมือกับปัญหาได้ดีเยี่ยม อันเกิดจากเข้าใจรายละเอียดของการเคลื่อนย้ายคนจำนวนมาก ๆ ไปกลับถือกำเนิดขึ้นมาและนับวันจะเติบใหญ่เชิงปริมาณและคุณภาพมากขึ้นต่อเนื่อง
ดังที่เคยเขียนไปเมื่อหลายเดือนก่อนว่า ปีนี้แม้ผู้บริหารของ ATP30 ที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากย่านนิคมอุตสาหกรรมอมตะกับที่อยู่พนักงานแถวชลบุรี-ระยอง-ฉะเชิงเทรา จะบอกไว้เพียงสั้น ๆ ในบันทึกท้ายหรือประกอบงบการเงินสั้นว่ามีพัฒนาการที่สำคัญ ในไตรมาสที่ 1/2565 ที่ถือว่าเป็นปฏิบัติการ “เสือข้ามห้วย”
โดยขยายพื้นที่ให้บริการแก่โรงงานอุตสาหกรรมภาคกลางของประเทศ โดยเริ่มให้บริการ บริษัท นวโลหะอุตสาหกรรม จํากัด ที่จังหวัด สระบุรี ด้วยรถบัส และรถตู้โดยสาร จำนวน 11 คันตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565
ผลพวงของรายการข้างต้น ทำให้บริษัทมีการลงทุนในรถโดยสารใหม่จำนวน 49 คัน ประกอบด้วย รถบัสโดยสารจำนวน 8 คัน รถมินิบัสโดยสารจำนวน 2 คัน รถตู้โดยสารไฟฟ้า 2 คัน และรถตู้โดยสารจำนวน 37 คัน!
ข้อมูลดังกล่าว หมายความว่า จำนวนรถโดยสารรับส่งพนักงานและคนขับรถอีกจำนวนเท่ากัน หรือมากกว่าในฐานะสำรองเผื่อฉุกเฉินได้กลายเป็นขบวนแถวในการให้บริการรับส่งพนักงานทุกระดับเพิ่มขึ้นทั้งในพื้นที่เดิม 3 จังหวัดที่เป็นถิ่นเดิม และพื้นที่บริการใหม่คือ เขตนิคมอุตสาหกรรมที่จังหวัด สระบุรี ซึ่งเป็นการรุกคืบ ทางธุรกิจอันมีนัยสำคัญยิ่ง
หากการเริ่มต้นในเขตจังหวัด สระบุรี เริ่มด้วยนวโลหะอุตสาหกรรมประสบความสำเร็จด้วยดี (หมายถึงลูกค้าพึงพอใจและช่วยให้พนักงานไป-กลับระหว่างที่อยู่อาศัย-ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น) การทำธุรกิจด้วยการเพิ่มจำนวนรถให้บริการย่อมเพิ่มจำนวนมากขึ้น ซึ่งหมายถึงยอดรายได้และกำไรของ ATP30 จะเพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด ไม่ใช่แค่ 11 คัน อันเป็นการทดลองข้ามถิ่นในปีแรก
ผลลัพธ์เชิงบวกนี้ได้เห็นกันในทันทีทันใด ไม่ต้องรอนาน
“หาง” ของธุรกิจที่ยาวยิ่งขึ้นโดยปริยาย… ทั้งทางการเงินและการบริหาร การบริการ (ที่ยากจะหาคนลอกเลียนแบบได้ดีเด่น) แข็งแกร่งยิ่งขึ้น…… ดังตัวอย่างการเพิ่มทุนรับพันธมิตรรายใหม่อย่าง โตโยต้า ทูโช ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด ในปี 2564 มาแล้ว ด้วยการออกหุ้นใหม่ 65 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.25 บาท ในราคาหุ้นละ 0.99 บาท คิดเป็นมูลค่า 64.35 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ TTTH เข้ามาถือหุ้นในบริษัทสัดส่วน 9.53% ในครั้งนั้น ทำกำไรให้กับทั้งสองฝ่ายแค่ไหนคงไม่ต้องพูดถึง
ถ้าหากว่าราคาหุ้นของ ATP30 จะวิ่งกลับไปยืนเหนือ 2.00 บาท ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอย่างใด เพราะรากฐานทุนอันแข็งแกร่งและกลยุทธ์การตลาดแบบหางยาวดังกล่าว ปีนี้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของ “ทองคำฟังเพชร” อีกปีหนึ่ง
เพราะว่ายามนี้ ค่าพี/อีที่เคยสูงอย่างมากก็เริ่มปรับตัวลงเหลือแค่ 27 เท่าจากที่เคยวิ่งเหนือ 40 เท่าในต้นปีนี้