ผิดหวังกำไร

ในเมื่อตลาดหุ้นอยู่ในช่วงของ sell on fact ก็ไม่ต้องตกใจเมื่อเห็นหุ้นหลายตัวถูกถล่มอย่างหนัก เพราะไม่ว่างบจะออกมาในลักษณะใด ท้ายที่สุดก็ถูกขาย


ในเมื่อตลาดหุ้นอยู่ในช่วงของ sell on fact ก็ไม่ต้องตกใจเมื่อเห็นหุ้นหลายตัวถูกถล่มอย่างหนัก เพราะไม่ว่างบจะออกมาในลักษณะ “กำไรดี” หรือ “กำไรไม่ดี” ท้ายที่สุดก็ถูกขายวันยังค่ำ และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ดัชนีผันผวนตั้งแต่เปิดเทรด ก่อนจะลงเอยด้วยการยืนปิดที่ระดับ 1,625.25 จุด บวกไป 2.99 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.25 หมื่นล้านบาท จึงกลายเป็นจังหวะของการซื้อสวนเพื่อทำรอบสั้น ๆ ไงละคะ

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เชื่อว่า หุ้นที่ยังทำผลงานดีคือตัวเลือกลำดับแรกในการเข้าเล่น เพราะผลงานในไตรมาส 3 น่าจะออกมาดี ผนวกกับราคาหุ้นในกระดานก็ยังต่ำกว่าราคาเป้า จึงไม่ต้องกังวลกับรายการเทกระจาดจะเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เดี๊ยนยังมองการลงทุนเที่ยวนี้คุ้มค่ากับความเสี่ยง หลังเห็นรายชื่อหุ้นเกือบ 100 ตัวประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลน่ะซี

ตรงกันข้ามกับหุ้นที่ทำผลงานน่าผิดหวัง ก็กลายเป็นตัวเลือกลำดับท้าย ๆ ที่นักเล่นควรจะนึกถึง เพราะผลงานที่แสดงออกมาทำให้เกิดความกังวลว่า กำไรไตรมาส 3 มีแนวโน้มฟื้นตัวขนาดไหน?  ผนวกกับหุ้นเพิ่งโดนทิ้งหนักมาหยก ๆ จึงทำให้แฟนคลับขาประจำเกิดอาการแหยง ๆ เพราะคนเล่นหุ้นส่วนใหญ่ต่างรู้ดีว่า นี่เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจต่าง ๆ เลยคาดหวังอะไรได้ไม่มากนะจะบอกให้

เหมือนกับอาการที่สะท้อนออกมาจากหุ้น CBG ก็เป็นภาพที่ทำให้รู้ว่า กองทุนรู้สึกผิดหวังกับกำไรที่ออกมา จึงพากันกระหน่ำขายหุ้นออกมาเป็นระลอก จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 111.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 1.33% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.40 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะของการถอยตั้งหลักเพื่อรอดูความชัดเจนของผลงานไตรมาส 3 หรือใครอยากเล่นรอบสั้น ๆ เพื่อลุ้นเด้ง ก็เห็นกันมาแล้วว่า บริเวณ 105 บาท น่าสนใจค่ะ

คล้ายกับสถานการณ์หุ้น TQM ทุกประการ แต่ที่หนักอยู่ตรงที่หุ้นโดนทุบจนเปิดแก๊ปกว้าง พร้อมกับลงไปทำโลว์ของวันที่ระดับ 41.75 บาท ก่อนจะไล่กลับขึ้นมาเรื่อย ๆ ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 43.75 บาท ลบไป 3.50 บาท หรือลงไป 7.41% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 572 ล้านบาท ก็เป็นอีกโมเมนต์ที่น่าสนใจสำหรับการเล่นรอบ แถมเที่ยวนี้มีการปลอบใจด้วยการอัดปันผล เพื่อทำให้ผู้ถือหุ้นรู้สึกดีต่อใจแบบนี้..น่าเล่นไหมคะ

ส่วนรายที่ทำให้แซ๊ดเหลือเกิน และรู้สึกช็อกไปชั่วขณะ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น EGCO เพราะไตรมาส 2 ดันพลิกขาดทุนหน้าตาเฉย ทั้งที่ก่อนหน้านี้..ราคาหุ้นเพิ่งตั้งลำขึ้นอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งกำไรไตรมาส 1 ก็เลิศหรูอลังการงานสร้าง เดี๊ยนเลยไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นโดนทุบลงมากองอยู่ที่ 184.50 บาท ลบไป 4.50 บาท หรือลงไป 2.38% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 754 ล้านบาท เพราะเรื่องมันกระทบกับความมั่นใจเต็ม ๆ เจ้าค่ะ

สำหรับรายที่ลุ้นไม่ขึ้นอย่างหุ้นโฆษณาที่มีชื่อว่า VGI ก็กลายเป็นของแสลงสำหรับคนที่จะ “เล่นสั้น” และ “เล่นยาว” เพราะเมื่อดูจากกำไรที่ทำได้ในปีนี้ แล้วนำไปเทียบกับก่อนมีโควิด มันช่างต่างกันราว “ฟ้ากับเหว” จึงไม่มีทางที่ราคาหุ้นจะเด้งกลับขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ผสานกับหุ้นไม่มี PE ไว้สำหรับเปรียบเทียบ เลยทำให้ราคาปิดที่ระดับ 4.28 บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 333 ล้านบาท ไม่น่าเล่นพะยะค่ะ

ในเมื่อกำไรไตรมาส 2 ถูกกระทบจากต้นทุนน้ำมันเพิ่มขึ้นมโหฬาร EPG จึงกลายเป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้แบบเต็ม ๆ (แต่เป็นไตรมาส 1 ของหุ้นตัวนี้) จึงนำไปสู่การรินขายหุ้นออกมาตลอดเวลา แต่ที่มาโดนหนักจริง ๆ คงเป็นเมื่อวานนี้ที่ราคาหุ้นทิ้งตัวลงมาปิดที่ 9.60 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 157 ล้านบาท เลยกลายเป็นหุ้นที่ต้อง wait & see ไปโดยปริยายจ้า!

ส่วนรายที่กำไรลดฮวบจนน่าตกใจ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น BIS แบบเร่งด่วน เพราะการโดนสาดโครมเดียว จนราคาหุ้นลงมาทำโลว์ที่ระดับ 7.25 บาท มันคือภาพสะท้อนความผิดหวังที่มีต่องบการเงิน แต่บริษัทก็แก้เกมด้วยการจ่ายปันผลเป็นการชดเชย ราคาหุ้นถึงไต่ระดับขึ้นมาปิดที่ 7.85 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 7.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41 ล้านบาท แบบทุลักทุเล จึงต้องมาลุ้นกันต่อว่า ไตรมาส 3 จะพลิกเกมได้อ๊ะป่าว?..อิอิอิ

Back to top button