ต่ำสิบโชว์ของดี
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามลุ้นข่าวดีระลอกใหม่เข้ามาซัพพอร์ต มักเปิดโอกาสให้หุ้นต่ำสิบออกมาโชว์ของดีกันเป็นประจำ
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามลุ้นข่าวดีระลอกใหม่เข้ามาซัพพอร์ต มักเปิดโอกาสให้หุ้นต่ำสิบออกมาโชว์ของดีกันเป็นประจำ และเที่ยวนี้ก็เป็นจังหวะที่ “โมนิก้า” ได้เห็นหุ้นเหล่านั้นออกมาวาดลวดลายพอดี จึงขอเปลี่ยนบรรยากาศมาเม้าท์มอยถึงหุ้นเหล่านี้สักหน่อย เพราะหุ้นใหญ่กำลังถูกกดดันจากตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังมีเสียงร่ำลือในทำนองว่า เฟดกำลังพิจารณาเร่งขึ้นดอกเบี้ยพะยะค่ะ
ประเด็นตรงนี้ทำให้การขยับตัวของหุ้นใหญ่ลำบากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่หุ้นเล็กไม่กระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว “โมนิก้า” ถึงมองเป็นจังหวะของการสวนกระแสแบบไม่ต้องลังเลใจ เพราะวันนี้มีสตอรี่ที่เกี่ยวกับ “พาร์ตเนอร์” กับ “กำไรโต” คอยเป็นแบ็กอัพให้กับราคาหุ้นในกระดาน เดี๊ยนถึงไม่วอรี่ที่เห็นตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากอิทธิพลต่างประเทศ เพราะท้ายที่สุดก็ต้องมาดูที่พัฒนาการของบริษัทดีขึ้นขนาดไหนเจ้าค่ะ
ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” มองการแกว่งตัวไปมาของดัชนีตลอดทั้งวัน ก่อนจะลงเอยด้วยการยืนปิดที่ระดับ 1,615.82 จุด ลบไป 10.10 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.70 หมื่นล้านบาท มันคือจังหวะของการปรับฐานเพื่อรอเวลาทะยานขึ้นรอบใหม่ ซึ่งเป็นช็อตของการช้อนหุ้นเมื่อย่อตัวลงมาของคนที่มีเงินเย็น ผนวกกับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศมีความคึกคักต่อเนื่อง จึงเชื่อได้อย่างสนิทใจว่า เม็ดเงินในระบบจะสะพัดมากขึ้นในอนาคตไงละจ๊ะ
เม้าท์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอเอ่ยถึงหุ้นร้อนที่ทะยานแบบไม่เหลียวหลังอย่าง MVP กันดีกว่า เพราะเป็นการพุ่งแรงพร้อมกับข่าวลือในทำนองกลุ่มทุนเขมรเข้ามาไล่หุ้น และตัวละครที่มีการกล่าวอ้างก็เป็นถึงหลานนักการเมืองระดับประเทศเสียด้วย เดี๊ยนถึงมองว่าเรื่องนี้ต้องสืบสาวราวเรื่องกันยกใหญ่ เพราะการซื้อหุ้นที่จัดอีเวนต์มันต่อยอดธุรกิจฝั่งนู้นได้จริงเหรอ? และทำให้การวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 5 บาท บวกไป 1.02 บาท หรือขึ้นไป 25.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 851 ล้านบาท ไม่ธรรมดานะจะบอกให้
ในเมื่อมาด้วยเรื่องที่ไม่ธรรมดาทั้งที “โมนิก้า” ขอต่อกันที่หุ้นซูเปอร์เทิร์นอะราวด์ ดาวเด่นอย่าง PSG เป็นรายถัดมา เพราะเมื่อคิดบนตรรกะกำไรไตรมาส 2 ที่ทำได้อย่างสวยหรู ผสานกับสเต็ปการเติบโตเป็นเหมือนกับหุ้น “สตาร์ค” เดี๊ยนถึงมองการขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.42 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 14.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 767 ล้านบาท มันเป็นการไล่ซื้อก่อนข่าวจริงจะออกอีก 3 เดือนข้างหน้านะจ๊ะ
ส่วนรายที่พยายามแก้ตัวจากความผิดพลาดเมื่อวันก่อนอย่างหุ้น TGE ก็เป็นทางเลือกให้กับนักผจญภัยอย่างแท้ทรู เพราะเมื่อดูจากการทำกำไรเป็นที่ตั้ง ก็มีโอกาสเบ่งกำไรได้สบาย ๆ ขณะเดียวกันเมื่อมองดูจากการเทรดของหุ้นบน P/E 19 เท่า ก็ทำให้ให้เชื่อว่า ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์อีกบานตะไท “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่วานนี้ขาลุยมะรุมมะตุ้มตั้งแต่เช้า แต่สุดท้ายดันพลิกล็อกปิดที่ 1.90 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 2.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.54 พันล้านบาทหน้าตาเฉยเจ้าค่ะ
เช่นเดียวกับคนที่ถนัดเล่นเก็งกำไร “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น SPACK เพื่อเสนอเป็นทางเลือกให้กับคนชอบลุย เพราะเที่ยวก่อนเคยวิ่งขึ้นไปถึง 6 บาท ขณะที่วานนี้หุ้นยืนปิดที่ระดับ 4.40 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 205 ล้านบาท ท่ามกลางค่า P/E 37 เท่าแบบนี้ มันตีความได้อย่างเดียวว่า ต้องมีสตอรี่เด่นซัพพอร์ตแน่ ๆ ไม่เช่นนั้นหุ้นจะมาไกลขนาดนี้เหรอ?..จริงหรือไม่ ก็คอยดูกันต่อไปจ้า!
สำหรับรายที่อาศัยพวกมากลากไป ทั้งที่ผลงานก็ยังไม่ปังเสียทีเดียว เดี๊ยนคงมองไปที่หุ้นเครื่องปรุงรสอาหารอย่าง JDF ให้เป็นออปชันสำหรับการเล่นสั้น ๆ เพราะเมื่อดูจากการไล่ราคาที่พุ่งพรวดพราด ต่อจากนั้นก็ทรุดตัวลงฮวบฮาบ มันกลายเป็นเกมที่ท้าทายความสามารถของผู้เล่นสุด ๆ และการที่หุ้นขึ้นมาปิดที่ 3.68 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 4.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 154 ล้านบาท ทั้งที่ตลาดหุ้นแดงเถือกแบบนี้..ลุกช้าจ่ายรอบวงพะยะค่ะ
ผิดกับในรายของ BKD เพราะรายนี้รอแค่ความชัดเจนของดีลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่นักเล่นต่างเม้าท์มอยไปในทางเดียวกันว่า การยืนปิดที่ระดับ 2.66 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 12.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 95 ล้านบาท น่าจะเป็นการส่งสัญญาณความคืบหน้าอะไรบางอย่าง? ซึ่งเป็นจังหวะของนักเล่นที่เชื่อว่า บริษัทยักษ์ใหญ่จะเข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์เจ้าค่ะ